เสยยสูตร ข้อ ๑๕๘ เมื่ออะไรมี จึงมีความยึดมั่นด้วยความสำคัญตน


    ขอกล่าวถึง สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เสยยสูตร ข้อ ๑๕๘ ซึ่งพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ที่ตรัสถามภิกษุทั้งหลายเอง

    พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่ออะไรมีเพราะยึดมั่นอะไร ถือมั่นอะไร จึงมีความสำคัญตนว่า ประเสริฐกว่าเขา เสมอเขา หรือว่าเลวกว่าเขา ฯ

    เมื่อได้ทรงแสดงธรรมมากแล้วนะคะ ทรงอนุเคราะห์ด้วยการสอบถามความเข้าใจของผู้ฟังซึ่งเป็นสาวก พระภิกษุในครั้งนั้นว่า มีความเข้าใจธรรมที่ได้ฟังเพียงไร ซึ่งท่านผู้ฟังตอนนี้ตอบได้แล้ว ใช่ไหมคะ ไม่พ้นไปจากตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทั้ง ๓ ปิฎก อย่าลืมค่ะ ที่ทรงแสดงพระธรรมวินัยโดยนัยต่างๆ ก็เป็นเรื่องที่สามารถจะรู้ได้ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจเท่านั้น

    เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะทรงสอบถามประการใดๆ ผู้ที่มีความเข้าใจชัดว่า โลกปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ธรรมทั้งหมดที่ทรงแสดง ปรากฏ สามารถที่จะพิสูจน์ สามารถที่จะบรรลุ สามารถที่จะเห็นเองได้ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ

    เพราะฉะนั้นไม่ว่าพระผู้มีพระภาคจะตรัสถามประการใด คำตอบก็คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

    ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมทั้งหลายของพวกข้าพระองค์มีพระผู้มีพระภาคเป็นต้นเหตุ ฯ

    เพราะภิกษุทั้งหลายไม่สามารถที่จะตรัสรู้ธรรมด้วยตนเอง แต่ว่าเพราะอาศัยฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคตรัสรู้แล้วทรงแสดง และประพฤติปฏิบัติตาม พระภิกษุทั้งหลายจึงมีพระผู้มีพระภาคเป็นต้นเหตุของธรรมทั้งหลาย

    พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อจักษุมี เพราะยึดมั่นจักษุ ถือมั่นจักษุ จึงมีความสำคัญตนว่า

    ประเสริฐกว่าเขา เสมอเขา หรือว่าเลวกว่าเขา ฯลฯ

    วันหนึ่งๆ เป็นอย่างนี้หรือเปล่าคะ เรื่องตา เคยพูดกันบ้างไหมคะ ตาใครดีกว่าตาใคร ใครเห็นดีกว่าใคร ชัดเจนกว่า หรือว่าตาใครเสื่อมมากกว่าตาใคร หรือว่าตาใครเป็นโรคภัยต่างๆ หรือว่าตาใครมีสุขภาพอนามัยสมบูรณ์ดี

    ถ้าไม่มีตา จะพูดเรื่องตาในลักษณะที่ว่า ประเสริฐกว่า เสมอกัน หรือว่าเลวกว่าได้ไหม ก็ไม่ได้นะคะ แล้วก็ย่อมจะไม่พ้นจากเรื่องของตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

    ซึ่งพระผู้มีพระภาคก็ได้ตรัสต่อไปว่า

    เมื่อใจมี เพราะยึดมั่นใจ ถือมั่นใจ จึงมีความสำคัญตนว่า ประเสริฐกว่าเขา เสมอเขาหรือว่าเลวกว่าเขา


    หมายเลข 7532
    21 ส.ค. 2558