เมื่อรู้ว่าสิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ จะพึงสำคัญตนอีกหรือไม่


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน จักษุเที่ยงหรือไม่เที่ยง ฯ

    ภิ. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า ฯ

    พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือสุขเล่า ฯ

    ภิ. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า ฯ

    พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ไม่ยึดมั่นสิ่งนั้นแล้ว จะพึงมีความสำคัญตนว่า เป็นผู้ประเสริฐกว่าเขา เสมอเขา หรือว่าเลวกว่าเขา บ้างหรือหนอ ฯ

    ภิ. ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯลฯ

    ซึ่งพระผู้มีพระภาคก็ได้ตรัสถามตลอดไปจนกระทั่งถึง ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ซึ่งก็ไม่เที่ยง ตอนท้ายของพระสูตร พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในจักษุ ฯลฯ ทั้งในใจ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด จึงหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มี ฯ


    หมายเลข 7533
    21 ส.ค. 2558