การจำแนกจิตโดยประเภทของทวาร
ไม่ทราบท่านผู้ฟังมีข้อสงสัยอะไรหรือเปล่าคะ ในเรื่องของการจำแนกจิต โดยประเภทของโลกียะและโลกุตระที่ได้กล่าวถึงแล้ว ถ้าไม่มี วันนี้ก็จะได้กล่าวถึงการจำแนกจิต โดยประเภทของทวาร
เรื่องของโลกเป็นสิ่งที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ถ้าไม่มีจิตเกิดขึ้น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก โลกย่อมไม่มี เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่ขณะไหน ที่ไหน แล้วก็มีสติระลึกได้ ก็รู้ว่าลักษณะของโลก คือ สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ แต่ถ้าไม่ระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏให้ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง ไม่ใช่การรู้จักโลก ไม่ใช่การรู้ลักษณะของโลก แต่เป็นการนึกคิดเรื่อง “โลก” ซึ่งไม่ใช่การรู้ลักษณะที่แท้จริงของสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แต่เป็นการยึดถืออาการสัณฐานของโลกที่ปรากฏ โดยความเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นโลกที่สมมติขึ้น หรือว่าเป็นโลกโดยนัยของสมมติสัจจะ ไม่ใช่โดยนัยของปรมัตถสัจจะ
เพราะฉะนั้นในวันหนึ่งๆ ทุกท่านก็ทราบได้ว่า ท่านอยู่ในโลกของสมมติมาก หรือกำลังรู้ลักษณะของโลกแท้ๆ ซึ่งไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แต่การที่จะรู้ความจริงว่า เป็นโลกไหน ก็จะต้องอาศัยทวาร หรือทางรู้อารมณ์ เพราะเหตุว่าถึงแม้ว่าจิตจะเป็นสภาพรู้ ในขณะที่ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น เป็นสภาพรู้ แต่ขณะนั้นไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ลิ้มรส ไม่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ไม่คิดนึก เพราะเหตุว่าปฏิสนธิจิตเป็นวิบากจิต เป็นผลของกรรมหนึ่งซึ่งทำให้ปฏิสนธิจิตเกิดสืบต่อจากจุติจิตของชาติก่อน แม้ว่าปฏิสนธิจิตจะเป็นสภาพที่รู้อารมณ์ แต่เมื่อไม่ใช่อารมณ์ของโลกนี้ โลกนี้จึงยังไม่ปรากฏ และเมื่อปฏิสนธิจิตดับไปแล้ว กรรมทำให้ภวังคจิตเกิดสืบต่อจากปฏิสนธิจิต ดำรงภพชาติความเป็นบุคคลนั้นไว้ อยู่เรื่อยๆ ภวังคจิตเกิดขึ้นแล้วดับไปๆๆ
เพราะฉะนั้นการที่ภวังคจิตเกิดดับสืบต่อจากปฏิสนธิจิต ดำรงภพชาติของความเป็นบุคคลนี้ แต่เพราะยังไม่ได้อาศัยตาเกิดขึ้นเห็น ยังไม่ได้อาศัยหูเกิดขึ้นได้ยิน ยังไม่ได้อาศัยจมูกเกิดขึ้นได้กลิ่น ยังไม่ได้อาศัยลิ้นเกิดขึ้นลิ้มรส ยังไม่ได้อาศัยกายเกิดขึ้นรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส และในขณะที่ยังไม่ได้คิดนึกเรื่องราวต่างๆทางใจ แม้จิตกำลังเกิดขึ้นและดับไปอยู่เรื่อยๆ ก็ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ลักษณะของจิต ซึ่งเป็นสภาพรู้ ธาตุรู้ ซึ่งกำลังเกิดดับได้ จนกว่าจะมีการเห็นขณะใด โลกนี้ คือ โลกทางตาที่กำลังปรากฏในขณะนี้ก็ปรากฏให้รู้ว่า โลกนี้เป็นอย่างนี้ ทางตา ขณะใดที่จิตอาศัยหู คือ โสตปสาท เป็นโสตทวารเกิดขึ้นได้ยินเสียง เวลาที่เสียงกำลังปรากฏ ก็มีความรู้ว่า โลกนี้มีเสียงอย่างนี้เกิดขึ้น ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย โดยนัยเดียวกัน
เพราะฉะนั้นการที่จะรู้จักโลกโดยไม่อาศัยทวาร ไม่อาศัยทางที่จิตจะเกิดขึ้นรู้อารมณ์ของโลก ย่อมเป็นไปไม่ได้ นี่เป็นชีวิตตามปกติตามความเป็นจริง ซึ่งจะต้องรู้ว่า การที่โลกปรากฏเป็นโลกซึ่งเต็มไปด้วยรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ต่างๆนั้น ก็เพราะเหตุว่ามีทวาร ซึ่งเป็นทางให้จิตเกิดขึ้นรู้จักโลกในทางนั้นๆ