อารมณ์แยกเป็นประเภทหรือไม่
ผู้ฟัง อารมณ์จะแยกเป็นประเภทหรือไม่
ท่านอาจารย์ แน่นอน ขณะนี้มีอะไรกำลังปรากฏบ้าง
ผู้ฟัง ถ้าทางตาก็คือรูปารมณ์
ท่านอาจารย์ ใช้คำว่ารูปารมณ์ แต่แม้ไม่ต้องเรียกชื่อเลย ก็มีสิ่งที่กำลังปรากฏเมื่อมีจิตเห็นเกิดขึ้น ถูกต้องไหม
ผู้ฟัง ถูกต้อง และอารมณ์ทางมโนทวารคืออะไร
ท่านอาจารย์ เคยคิดไหม
ผู้ฟัง คิด
ท่านอาจารย์ ขณะที่คิดอาศัยตาหรือเปล่า
ผู้ฟัง ไม่ได้อาศัยตา
ท่านอาจารย์ อาศัยหู
ผู้ฟัง ไม่ได้
ท่านอาจารย์ อาศัยจมูก
ผู้ฟัง ไม่ใช่
ท่านอาจารย์ ลิ้น
ผู้ฟัง ไม่ใช่
ท่านอาจารย์ กาย
ผู้ฟัง ไม่ใช่
ท่านอาจารย์ แต่คิดได้ เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ว่าขณะที่คิดไม่ใช่ภวังค์ ไม่ใช่จิตที่ไม่ใช่วิถี เพราะคิดเป็นวิถีจิตแล้ว ถ้าแบ่งจิตออกเป็นประเภทใหญ่จริงๆ ก็มีจิตที่ไม่ใช่วิถีกับจิตที่เป็นวิถี เพราะอาศัยทวารหนึ่งทวารเกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางนั้น แล้วก็หมดวาระของวิถีนั้นแล้วก็ดับไป ภวังคจิตก็เกิดคั่น แต่ขณะใดที่คิดขณะนั้นเป็นวิถีจิตหรือว่าไม่ใช่วิถีจิต
ผู้ฟัง เป็นวิถีจิต
ท่านอาจารย์ เป็นวิถีจิตแน่นอน ขณะนั้นเมื่อไม่ได้อาศัยตา หู จมูก ลิ้น กาย และกำลังเป็นภวังค์อยู่อย่างนี้ ระหว่างที่กำลังเป็นภวังค์อยู่จะเหมือนกับที่ขณะคิดหรือไม่ ไม่เหมือน เพราะฉะนั้นขณะที่เป็นภวังค์ ไม่ใช่วิถีจิต แต่ขณะที่คิดเป็นวิถีจิต และถ้ายังคงเป็นภวังค์อยู่ต่อไป วิถีจิตก็เกิดไม่ได้ เพราะฉะนั้นที่วิถีจิตจะเกิดได้ต้องไม่ใช่ขณะที่เป็นภวังค์ ก่อนที่วิถีจิตจะเกิด ภวังค์จะต้องสิ้นสุด แต่ภวังค์จะสิ้นสุดทันทีโดยรวดเร็วไม่ได้เพราะกำลังเป็นภวังค์อยู่ เพราะฉะนั้นก็จะต้องมีภวังคจลนะก่อนที่จะมีอารมณ์ใหม่ หรือจะรู้อารมณ์อื่นที่ไม่ใช่อารมณ์ของภวังค์ เกิดขึ้นแล้วดับไปก่อนเป็นปัจจัยให้ภวังค์ขณะสุดท้ายเกิดขึ้นใช้คำว่า “ภวังคุปัจเฉทะ” จะใช้คำว่า “ตัดกระแสภวังค์” ก็ได้ “สิ้นสุดกระแสภวังค์” ก็ได้ แต่หมายความว่าเมื่อภวังคุปัจเฉทะเกิดแล้วดับไปต้องเป็นวิถีจิตเกิดต่อ จะเป็นภวังค์อีกต่อไปไม่ได้ ถ้าเป็นภวังค์ก็ไม่ต้องใช้คำว่าภวังคจลนะหรือภวังคุปัจเฉทะ ก็เป็นภวังค์อยู่แล้ว แต่เวลาที่จะมีอารมณ์อื่นที่ไม่ใช่อารมณ์ของภวังค์ ก็จะต้องสิ้นสุดกระแสภวังค์ก่อนโดยมีภวังคจลนะเกิด ๑ ขณะ แล้วภวังคุปัจเฉทะดับไป วิถีจิตแรกทางใจได้แก่มโนทวาราวัชชนจิตซึ่งเป็นกิริยาจิต ซึ่งกิริยาจิตที่ไม่มีเจตสิกที่เป็นเหตุเกิดร่วมด้วยมี ๓ ประเภท คือ ปัญจทวาราวัชชนจิต ๑ มโนทวาราวัชชนจิต ๑ และหสิตุปาทจิต ๑ ซึ่งเฉพาะพระอรหันต์เท่านั้นที่จะมีหสิตุปาทจิตนี้เกิดขึ้นที่เป็นอเหตุกะ ไม่ประกอบด้วยเหตุหนึ่งเหตุใดใน ๖ เหตุ
ที่มา ...