ชื่อว่า จิต เพราะเป็นธรรมชาติวิจิตรโดยนัยของทวาร
ซึ่งจะขอกล่าวถึงอรรถที่ ๔ คือ จิตแม้ทุกดวงชื่อว่า “จิต” เพราะเป็นธรรมชาติวิจิตรตามสมควร ที่ได้กล่าวถึงแล้ว โดยนัยของชาติ โดยนัยของภูมิ โดยนัยของเหตุ โดยนัยของโสภณ อโสณ โดยนัยของอสังขาริก สสังขาริก โดยนัยของโลกียะ โลกุตระ โดยนัยของทวาร
การที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงเรื่องของจิตโดยนัยของทวาร ทรงแสดงให้ทราบว่า ทางตา มีจิตเกิดขึ้นกี่ประเภท ทางหู มีจิตเกิดขึ้นกี่ประเภท ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ โดยนัยเดียวกัน เพราะว่าจิตบางดวงเกิดได้เฉพาะอาศัยจักขุปสาท แต่ว่าจะอาศัยโสตปสาทเกิดขึ้นไม่ได้
เช่น “จิตเห็น” ซึ่งภาษาบาลีใช้คำว่า “จักขุวิญญาณ” สภาพที่รู้แจ้งทางตา เห็นสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาในขณะนี้ จะไม่อาศัยเกิดทางโสตทวาร หรือว่าฆานทวาร ชิวหาทวาร กายทวาร มโนทวาร หรือจิตที่กำลังได้ยินเสียง “โสตวิญญาณ” ก็จะเกิดโดยอาศัยโสตปสาทรูป เป็นโสตทวารเท่านั้น จะไม่อาศัยตา หรือจมูก หรือลิ้น หรือกาย หรือใจ
เพราะฉะนั้นเมื่อทรงจำแนกจิตโดยทวาร ก็ได้ทรงแสดงว่า จิตที่เกิดขึ้นโดยอาศัยจักขุทวารมีกี่ดวง คือ มีกี่ประเภท และจิตที่อาศัยโสตทวารมีกี่ประเภท จิตที่อาศัยฆานทวารมีกี่ประเภท จิตที่อาศัยชิวหาทวารมีกี่ประเภท จิตที่อาศัยกายทวารมีกี่ประเภท จิตที่อาศัยมโนทวารมีกี่ประเภท
นอกจากนั้นก็ยังได้ทรงแสดงว่า จิตประเภทใดสามารถที่จะเกิดขึ้นรู้อารมณ์ได้เพียงทวารเดียว และจิตประเภทใดสามารถที่จะเกิดขึ้นรู้อารมณ์ได้ ๕ ทวาร คือ ทีละทวาร และจิตประเภทใดสามารถที่จะเกิดขึ้นรู้อารมณ์ได้ทั้ง ๖ ทวาร ทีละทวาร และจิตประเภทใดสามารถที่จะเกิดขึ้นรู้อารมณ์ได้โดยไม่อาศัยทวารเลย