ผู้ที่มีจักขุทิพย์ โสตทิพย์ จะเห็น จะได้ยินทางไหน
ผู้ฟัง ที่อาจารย์ว่า จิตเกิดทางทวารต่างๆ และรู้อารมณ์ทางทวารต่างๆ แต่ผู้ที่ได้อภิญญาจิต เขาได้ยินเสียงทางหู ได้ยินเสียงทิพย์ หรือเสียงไกลๆ หรือเห็นจุติ ปฏิสนธิของสัตว์จากทางจักขุทวาร หรือทวารไหนกันแน่
ท่านอาจารย์ ทางมโนทวาร แต่ต้องอาศัยจักขุ ถ้าเป็นจักขุทิพย์
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ เห็นทางมโนทวาร แต่ถ้าเป็นจักขุทิพต้องอาศัยจักขุปสาท
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ แน่นอนค่ะ เพราะเหตุว่าทางมโนทวารรับอารมณ์ต่อจากทางจักขุทวาร
ขณะนี้ที่กำลังเห็น จิตเกิดขึ้นเห็นสิ่งที่ปรากฏทางจักขุทวาร ดับไปหมดแล้ว ภวังคจิตเกิดต่อ แล้วจิตเกิดขึ้นรับรู้สิ่งที่ปรากฏต่อทางมโนทวาร ขณะนี้ต้องมี ๒ ทวาร ไม่ว่าจะมีการเห็นขณะใด จักขุทวารวิถีจิตดับไปหมดแล้ว มโนทวารวิถีจิตเกิดขึ้นรู้สิ่งที่ปรากฏทางตาต่อ ถ้าเป็นทางหู โสตทวารวิถีจิตเกิดขึ้นได้ยินเสียง ดับไปแล้ว มโนทวารวิถีจิตเกิดต่อรู้เสียงที่ดับไปต่อ ฉันใด จักขุทิพก็เช่นเดียวกัน ต้องมีจักขุปสาทเกิดขึ้น แต่จิตที่รู้รูปทิพนั้น รู้ทางมโนทวารซึ่งเกิดสืบต่อจากทางจักขุทวาร
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ ต้องอาศัย อาโลก คือ แสงสว่าง เพราะฉะนั้นต้องอาศัยอาโลกกสิณ ถ้าจะเจริญฌานโดยพรหมวิหาร ๔ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ไม่สามารถที่จะเป็นปัจจัยให้เกิดจักขุทิพได้
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ ข้อความในพระไตรปิฎกไม่ได้แสดงไว้ว่าโดยในลักษณะของแว่นขาย แต่ว่าแสดงไว้โดยลักษณะของฌาน กำลังของจิตซึ่งละเอียดในขณะนั้น และอาศัยอาโลกกสิณ เพราะเหตุว่ากสิณมี ๑๐ ปฐวีกสิณ ไม่เป็นปัจจัยหรือเป็นเหตุที่จะให้เกิดจักขุทิพ เตโชกสิณ ก็ไม่เป็นเหตุ ไม่เป็นปัจจัย หรือเป็นเหตุที่จะให้เกิดจักขุทิพ เตโชกสิณ ก็ไม่เป็นเหตุไม่เป็นปัจจัยที่จะให้เกิดจักขุทิพ แต่ว่าเป็นเหตุเป็นปัจจัยที่จะให้กระทำอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆได้ เช่น ทำให้เกิดไฟได้ แต่สำหรับจักขุทิพต้องอาศัยอาโลกกสิณ แสงสว่าง