วิบากจิตที่เป็นอเหตุก กับ วิบากที่เป็นสเหตุก
เพราะฉะนั้นก็ต้องรู้ว่าวิบากจิตมี ๒ อย่าง คือทั้งที่เป็นอเหตุกะ และ สเหตุกะ กล่าวถึงวิบากซึ่งเป็นผลของกรรม เมื่อเกิดขึ้นประกอบด้วยเหตุก็มี ไม่ประกอบด้วยเหตุก็มี นี่กล่าวถึงวิบาก
เพราะฉะนั้น เมื่อถึงกุศล และอกุศลไม่ประกอบด้วยเหตุมีไหม วิบากมี ๒ ไม่ประกอบด้วยเหตุก็มี ประกอบด้วยเหตุก็มี แต่กุศล และอกุศลไม่ประกอบด้วยเหตุมีไหม ไม่มี ถ้าประกอบด้วยอกุศลเหตุจึงเป็นอกุศลจิต คือประกอบด้วย โลภะ โทสะ โมหะ แล้วแต่จะประกอบด้วยโมหะกับโลภะ หรือโมหะกับโทสะ แต่ต้องมีเหตุที่เป็นอกุศลเกิดร่วมด้วยจิตนั้นจึงเป็นอกุศล และสำหรับกุศลไม่มีเหตุเกิดร่วมด้วยมีไหม ไม่มี ต้องมีโสภณเหตุคือ อโลภะ อโทสะ อโมหะเกิดด้วย แต่ก็ต่างกับทางฝ่ายอกุศล เพราะว่าทางฝ่ายกุศลมี อโลภะ อโทสะ เกิดร่วมกัน แต่ไม่มีอโมหะคือปัญญาเจตสิกเกิดร่วมด้วยก็ได้ ในเมื่อทางฝ่ายของกุศลเป็นเหตุที่จะทำให้เกิดก็จะมีเหตุที่เกิดร่วมด้วยตามสมควรที่กับวิบากนั้นๆ ตรงนี้เราผ่านมาแล้วทั้งหมด เพียงแต่เราจะมาคิดกันอีกว่าวิบากจิตที่เป็นอเหตุกะก็มี สเหตุกะก็มี แต่จิตที่เป็นกุศลต้องเป็นสเหตุกะเท่านั้น และจิตที่เป็นอกุศลก็ต้องเป็นสเหตุกะเท่านั้น แต่สำหรับกิริยาที่เป็นสเหตุกะก็มี ที่เป็นอเหตุกะก็มี และถ้าทำกิจเพียงอาวัชชนกิจ หลังจากที่ภวังคุปัจเฉทะดับ ขณะนั้นไม่ประกอบด้วยเหตุเลย โดยเหตุโดยผล ยังไม่ทันจะมีเหตุหนึ่งเหตุใดเกิดร่วมด้วย เพราะฉะนั้นจิตประเภทนี้จึงเป็นอเหตุกะ ปัญจทวาราวัชชนจิตเป็นอเหตุกจิต เป็นกิริยาจิตแต่ไม่มีเหตุ ๖ เกิดร่วมด้วย
ที่มา ...