ทรงแสดงจิตโดย ๒ นัย คือ จิต ๘๙ กับ จิต ๑๒๑
สำหรับจิตทั้งหมด ทรงแสดงไว้โดย ๒ นัย คือ โดยนัยของจิต ๘๙ ดวง และโดยนัยของจิต ๑๒๑ ดวง โดยพิเศษ ถ้าจะพิจารณาโดยละเอียด แม้แต่ในข้อความที่ว่า
จิตโดยประเภททั้งหมดมี ๘๙ ดวง หรือ ๘๙ ประเภท
เพียงเท่านี้ก็สามารถที่จะเป็นพุทธานุสติ ทำให้ระลึกถึงพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณของพระผู้มีพระภาคได้ เพราะเหตุว่าทุกท่านไม่ได้มีจิตครบทั้ง ๘๙ หรือสามารถที่จะรู้ได้ว่า จิตในวันหนึ่งๆ ซึ่งเกิดขึ้นดับไปแต่ละขณะนั้น อยู่ในประเภทไหน หรือว่าเป็นจิตประเภทไหน แต่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า ไม่ว่าจิตในมนุษย์ภูมิ หรือในอบายภูมิ หรือในพรหมโลก ในรูปพรหมภูมิ ในอรูปพรหมภูมิก็ตาม เมื่อได้ประมวลลักษณะของจิต ซึ่งเกิดดับแต่ละขณะ แม้ว่าจะต่างกันไป ๆ ตามปัจจัยที่ทำให้ทำให้จิตนั้นๆเกิดขึ้นแต่ละขณะ แต่เมื่อรวบรวมประเภทของจิตทั้งหมดแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า ลักษณะของจิตซึ่งเกิดดับแต่ละขณะต่างๆกันไปนั้น เมื่อจัดโดยประเภทแล้ว ก็ต่างกันออกไปเป็น ๘๙ ประเภท หรือว่า ๑๒๑ ประเภท โดยพิเศษ
เพราะฉะนั้นเพียงได้ยินได้ฟังแล้วพิจารณา ก็สามารถที่จะน้อมระลึกถึงพระพุทธคุณ แล้วก็เป็นพุทธานุสติ แล้วก็จะได้พิจารณาสภาพธรรมซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงแสดง โดยประเภทของจิตชนิดต่างๆ ให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะเหตุว่าจิตเป็นธรรมชาติที่ใกล้ตัวที่สุด แต่ละขณะ แต่ถ้าไม่อาศัยพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงโดยละเอียด ยากที่ใครจะกล่าวได้ว่า รู้ลักษณะของจิตตามความเป็นจริง เพราะทุกท่านก็รู้จักชื่อเผินๆว่า มีจิต แต่ถ้าถามว่าจิตอยู่ที่ไหน จิตมีลักษณะอย่างไร มีกิจการงานอย่างไร ก็ย่อมจะตอบไม่ได้ ถ้าไม่อาศัยพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้