ผู้จะที่แสดงฤทธิ์ได้ ต้องบรรลุถึงอรูปฌานที่ ๔ หรือไม่
ท่านอาจารย์ มีข้อสงสัยอะไรบ้างไหมคะในเรื่องนี้
ผู้ฟัง เรื่องของจิตโดยพิสดารที่อาจารย์กล่าวมานั้น ก็ยังมีความสงสัยว่า ทำไมบางคน เช่น ท่านพระจูฬปันถก ท่านภาวนาเอาผ้าขาวลูบไปแล้วภาวนาไป เสร็จแล้วท่านก็บรรลุความเป็นพระอรหันต์ พร้อมกับมีอิทธิฤทธิ์ ซึ่งแสดงตนคนเดียว เป็นพันก็ได้ แสดงให้ภิกษุในวิหารของท่านเห็นเป็นพันก็ได้ อยากจะถามว่า จิตของท่านเป็นไปตามลำดับที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงไว้หรือเปล่า
ท่านอาจารย์ หมายความว่า ท่านจะต้องเป็นพระโสดาบันบุคคลก่อน แม้แต่พระผู้มีพระภาคเองก็ต้องทรงเป็นพระโสดาบันบุคคล พระสกทาคามีบุคคล พระอนาคามีบุคคล แล้วจึงถึงความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ฟัง อันนี้ไม่ได้สงสัยหรอกครับว่า ปัญญาจะต้องเจริญไปตามลำดับขั้น แต่สงสัยตรงที่ว่า ท่านพระจูฬปันถก ท่านบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ฌานจิตก็ต้องเกิดไปตามลำดับขั้น และผู้ที่จะแสดงฤทธิ์ได้ จะต้องได้บรรลุถึงอรูปฌานที่ ๔ และเจริญวสีจนกระทั่งชำนาญ จึงจะแสดงอิทธิฤทธิ์ได้ อยากถามว่า ท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว และท่านได้อรูปฌานที่ ๔ ด้วยหรือเปล่า
ท่านอาจารย์ ผู้ที่จะแสดงอิทธิฤทธิปาฏิหาริย์ได้ ต้องได้ฌานสมาบัติทั้ง ๘ หรือทั้ง ๙ โดยนัยของปัญจกนัย คือ ต้องได้ทั้งรูปฌาน ๕ คือ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน ปัญจมฌาน และต้องได้อรูปฌานด้วย
เหตุผลก็คือว่า ถ้าไม่ถึงอรูปฌาน แสดงว่ายังไม่มีความสามารถพอ ความมั่นคงของความสงบนี้ยังไม่พอที่จะทำให้เกิดอิทธิปาฏิหาริย์ หรือคุณวิเศษต่างๆ ได้
แต่ในสมัยนี้ ท่านผู้ฟังอาจจะได้ทราบว่า มีการสามารถกระทำบางสิ่งบางอย่าง เพราะฉะนั้นบุคคลเหล่านั้นเป็นผู้ที่ถึงปฐมฌานหรือเปล่า หรือถึงทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน ปัญจมฌาน อรูปฌานหรือเปล่า
แต่ให้ทราบว่า ทุกอย่างที่เป็นผลที่ถูกต้อง ต้องมาจากเหตุที่ถูกต้อง