ถ้าคิดถึงเรื่องที่พอใจ จิตขณะนั้นเป็นกามธาตุด้วยหรือไม่
ผู้ฟัง เรื่องกามธาตุ ถ้าหากว่าเราคิดถึงสิ่งที่เราพอใจทางใจ จะเป็น ...
ท่านอาจารย์ กามาวจรจิต เป็นจิตที่เป็นกามธาตุ ไม่ใช่เป็นรูปาวจรจิตตราบใด ไม่ใช่อรูปาวจรจิต ไม่ใช่โลกุตตรจิตตราบใด จิตขณะนั้นๆ เป็นกามาวจรจิต
ผู้ฟัง หมายความว่า กามธาตุนี้ นอกจากรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
ท่านอาจารย์ มิได้ค่ะ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ นั่นแหละค่ะ เป็นกามอารมณ์ เป็นกามธาตุด้วย
ผู้ฟัง แล้วใจก็เป็นด้วยซิครับ
ท่านอาจารย์ จิตที่รู้รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ก็เป็นกามาวจรจิต คือ เป็นไปกับรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เนื่องกับรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ โดยมีรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เป็นอารมณ์ เป็นกามาวจรจิต
ผู้ฟัง ขณะที่ไม่มีรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ แต่ถ้านึกขึ้นมาเฉยๆ
ท่านอาจารย์ นึกขึ้นมาเฉยๆ น่ะ นึกถึงเรื่องรูป นึกถึงเรื่องเสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ พ้นไปจากรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ไหมคะในวันหนึ่งๆ
ผู้ฟัง คือผมสงสัยว่า “ใจ” จะเป็นกามธาตุด้วยหรือเปล่า
ท่านอาจารย์ เป็นซิคะ จิต เป็นกามาวจรจิต
คำว่า”กาม” ไงคะ ได้แก่ กิเลสกาม ๑ วัตถุกาม ๑ กามอารมณ์ ๑ และจิตซึ่งเป็นไปในกามอารมณ์ แม้ว่าจะดับกิเลสกามแล้ว ก็ยังเป็นกามาวจรจิต เพราะเหตุว่ารู้รูป รู้เสียง รู้กลิ่น รู้รส รู้โผฏฐัพพะ ถ้าจะให้ง่าย ก็คือขณะใดที่ไม่ใช่รูปาวจรจิต ไม่ใช่อรูปาวจรจิต ไม่ใช่โลกุตตรจิตแล้ว เป็นกามาวจรจิตทั้งหมด แม้ในขณะที่กำลังอบรมเจริญความสงบ เพื่อที่จะให้เป็นรูปาวจรจิต ขณะที่จิตเริ่มสงบขึ้น สงบขึ้น จะมีอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใดในสมถภาวนา ๔๐ ก็ตาม ขณะใดที่รูปาวจรจิตยังไม่เกิด ขณะนั้นก็เป็นกามาวจรจิตนั่นเอง ซึ่งกำลังอบรมเพื่อที่จะให้รูปาวจรจิตเกิดขึ้น หรือในขณะที่อบรมเจริญปัญญา ซึ่งเป็นสติปัฏฐาน ขณะที่สติกำลังระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมบ้าง รูปธรรมบ้าง โดยที่โลกุตตรจิตยังไม่เกิดขณะใด ขณะเหล่านั้นก็เป็นกามาวจรจิตนั่นเอง แม้ว่าจะเป็นวิปัสสนาญาณขั้นต่างๆ ก็เป็นกามาวจรจิต เพราะเหตุว่าไม่ใช่โลกุตตรจิตแล้ว
เพราะฉะนั้นจิตใดๆ ทั้งหมด ถ้าไม่ใช่รูปาวจรจิต ไม่ใช่อรูปาวจรจิต ไม่ใช่โลกุตตรจิตแล้ว เป็นกามาวจรจิตทั้งหมด แม้ว่าจะเป็นวิปัสสนาญาณ ก็เป็นกามาวจรจิต แม้ว่าจะเป็นอุปจารสมาธิ ก็เป็นกามาวจรจิต พ้นไปได้ยากจากกามาวจรจิต
ยังมีข้อสงสัยอะไรบ้างไหมคะในเรื่องของกามาวจรจิต ทุกขณะเลยเป็นกามาวจรจิตโดยทั่วไป