วิบากทางหูที่ไม่ดี กับ การโต้ตอบผู้อื่นด้วยโทสะ -พฐ.105
ผู้ฟัง แม้เรียนธรรมแล้ว เราได้ยินในสิ่งซึ่งเราไม่ชอบ ก็อดโกรธไม่ได้แต่จริงๆ แล้วนั่นเป็นผลของกรรมเป็นวิบากทางหู แต่เรายังจะโต้ตอบเขาไปอีก ก็ไปสร้างวัฏฏะคือกิเลส กรรม วิบากต่อไปอีก ขอให้อาจารย์ช่วยอนุเคราะห์
ท่านอาจารย์ เราขัดเกลา หรือ ปัญญาขัดเกลา
ผู้ฟัง คิดไม่ทัน ก็ต้องไปเกิดตรงนั้นอีก แล้วไปเกิดมากกว่าเก่าด้วย ก็ไปสร้างกรรมต่อไปอีก
ท่านอาจารย์ ฟังธรรมเพื่อจะให้ทัน ฟังธรรมเพื่อจะให้ไม่โกรธ หรือ ฟังธรรมเพื่อให้เข้าใจถูกว่าธรรมเกิดแล้วเป็นอย่างนี้ก็ไม่ใช่เรา
ผู้ฟัง แต่ขณะนี้ไม่ใช่คิดอย่างนั้น
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องให้เราไปคิด ไม่ใช่เป็นเรื่องให้เราไปทำ แล้วเมื่อสักครู่ก็มีเรื่องการฟัง และการโกรธ ที่จริงต้องแยกแล้ว ขณะที่ได้ยินเป็นวิบาก ขณะที่โกรธไม่ใช่วิบาก ปนกันไม่ได้เลย นี่เป็นเรื่องของการจะต้องเข้าใจชัดเจน
ผู้ฟัง ทั้งๆ ที่เรียนแล้วก็ยังสับสนอยู่อย่างนั้น ในขณะนั้นคือหลงลืมสติไปแล้ว เราคิดไม่ออกแล้ว
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ปัญญาขั้นฟังไม่สามารถจะดับกิเลสได้เลย ต้องทราบว่าแม้จะมีความเข้าใจขั้นฟังว่าธรรมเป็นอย่างนี้นี่คือขั้นเข้าใจ ขณะนี้สภาพธรรมกำลังเกิดดับ แต่ไม่ได้ประจักษ์ความจริงของสภาพธรรมที่กำลังเกิดดับ จนกว่าจะมีความเข้าใจถึงลักษณะที่เป็นนามธรรม และรูปธรรม และความรู้ก็เพิ่มขึ้นจนกระทั่งสามารถที่จะประจักษ์แจ้งการเกิดดับของสภาพธรรมได้ ไม่ใช่ไปพยายามไม่ให้โกรธ หรือว่าทำอย่างไรถึงจะทันอย่างนั้นไม่ถูกต้อง ธรรมเป็นอย่างไรก็เข้าใจความจริงในขณะนั้นเพราะเกิดแล้วเป็นแล้วอย่างนั้น จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เพราะฉะนั้นกว่าจะรู้ว่าไม่ใช่ตัวตนไม่ใช่เราเป็นสภาพธรรม ก็ต้องฟังด้วยความตรงว่าธรรมก็เป็นอย่างนั้น
ผู้ฟัง ก็พูดได้ แต่ถึงตอนนั้นจริงๆ ก็ไม่ได้
ท่านอาจารย์ เพราะไม่ใช่ปัญญา แต่เป็นเรา เราทำอะไรไม่ได้เลย คิดว่าเราจะทำอะไรได้ผิดหมด
ที่มา ...