มาฟังธรรม เป็นวิบากหรือไม่


    ผู้ฟัง มาฟังธรรมคิดว่าเป็นวิบาก

    ท่านอาจารย์ ง่ายที่สุดคือจักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ เป็นวิบาก เห็นขณะไหน ชั่วเห็นขณะเห็นเป็นวิบาก ชั่วขณะที่ได้ยินเป็นวิบาก ชอบหรือไม่ชอบในเสียงนั้นไม่ใช่วิบากแล้ว เพราะฉะนั้นปนกันไม่ได้เลย ก็แยกจิต ๕ หรือ ๑๐ ประเภท คือทวิปัญญวิญญาณ เป็นกุศลวิบากหนึ่ง อกุศลวิบากหนึ่ง

    ผู้ฟัง หลังจากเห็น หลังจากได้ยิน จากนั้นก็เป็นกุศลหรืออกุศล

    ท่านอาจารย์ เป็นกุศล และอกุศลสำหรับผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์ แต่ถ้าเป็นพระอรหันต์ก็เป็นกิริยาจิต

    ผู้ฟัง เพราะฉะนั้นที่คุณสุกัญญาว่ามาฟังธรรม ขณะที่ได้ยิน แม้แต่ได้ยินธรรมเป็นวิบาก

    ท่านอาจารย์ ขณะได้ยินเสียงเป็นวิบาก ขณะเห็นเป็นวิบาก

    ผู้ฟัง ถ้าแสดงธรรมดี ฟังแล้วชื่นใจก็เป็นกุศล

    ท่านอาจารย์ ฟังแล้วเข้าใจ

    ผู้ฟัง ถ้าฟังแล้วไม่ถูกใจ หรือพูดผิด ก็เกิดโทสะก็เป็นอกุศล

    ท่านอาจารย์ ถูกต้อง เฉพาะสิ่งที่ปรากฏทางตา จิตเห็นขณะนั้น เฉพาะขณะที่เห็นสิ่งที่กำลังปรากฏเป็นวิบาก ชั่วขณะที่เสียงปรากฏ ยังไม่รู้เลยว่าคำอะไร เพียงเสียงปรากฏก็เป็นวิบาก ว่าจะให้ได้ยินเสียงนั้นไม่ใช่เสียงอื่น มีกรรมที่เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดจิตได้ยินเสียงนั้น มีกรรมเป็นปัจจัยที่จะทำให้เห็นสิ่งนี้ มีกรรมเป็นปัจจัยที่จะให้ได้กลิ่น มีกรรมเป็นปัจจัยที่จะให้ลิ้มรสนั้น มีกรรมเป็นปัจจัยที่จะให้รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส เพียงเท่านี้ยังไม่กล่าวถึงความละเอียดว่าวิบากจิตที่เกิดสืบต่อเป็นสัมปฏิจฉันนะ สันตีรณะ แต่เท่าที่ปรากฏในชีวิตประจำวันก็คือเมื่อเห็นแล้วจิตที่เกิดต่อเป็นกุศลหรืออกุศล เพียงแค่เห็น เพียงแค่ได้ยิน

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 105


    หมายเลข 7725
    22 ม.ค. 2567