เริ่มเห็นภัยของปฏิสนธิจิตหรือยัง
นอกจากนั้นการฟังแต่ละชาติของเรา ชาติก่อน ชาตินี้ ชาติต่อไป เริ่มเห็นภัยของปฏิสนธิจิตแล้วหรือยัง เราพูดเรื่องปฏิสนธิจิตมาหลายครั้งแล้วตั้งแต่เริ่มเลย จิตมี ๔ ชาติ กุศลจิต อกุศลจิต วิบากจิต กิริยาจิต แล้วเราก็พูดถึงปฏิสนธิจิต แต่เราเห็นภัยไหม เมื่อพูดถึงปัจจัยเราจะเห็นเลย ไม่มีใครทำอะไรได้เลย เป็นธรรมที่ต้องเกิดเมื่อมีเหตุปัจจัย แล้วก็เป็นอย่างนี้ไปอีกนานแสนนานเท่าไหร่ เมื่อยังมีปัจจัยที่จะให้ปฏิสนธิจิตเกิดนำมาซึ่งภพชาติ ไม่ใช่ปฏิสนธิจิตขณะเดียว เมื่อปฏิสนธิจิตดับ จิตอื่นก็เกิดสืบต่อ ไม่มีวันหยุดเลย เพราะฉะนั้นถ้าเรายังไม่เห็นว่าเป็นภัย การฟังของเราก็ยังไม่พอใช่ไหม ก็ยังฟังเรื่องสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ และเป็นภัยจริงๆ หรือไม่ เพียงอาศัยปัจจัยหลายอย่างไม่ใช่ปัจจัยเดียว เกิดขึ้นนิดเดียวรวดเร็วมากแล้วก็ดับไปโดยที่ใครก็บังคับบัญชาไม่ได้ และก็เป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นการฟังแต่ละครั้งเพื่อให้เข้าใจขึ้น และเพื่อที่จะละความยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน ถ้าไม่มีการเข้าใจ ไม่มีการละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนจะประจักษ์แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริงไม่ได้
เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เราพยายามทุกอย่างที่จะไปประจักษ์แจ้ง แต่ต้องเป็นการอบรมปัญญาที่จะรู้ ละคลายความไม่รู้ซึ่งเคยไม่รู้มานานแสนนาน ฉะนั้นทุกเรื่องที่เป็นธรรมก็ไม่พ้นจากสภาพธรรมในขณะนี้ ไม่ว่าเราจะกล่าวโดยปัจจัยหรือว่าโดยอะไรก็ตาม ก็เป็นเรื่องธรรมดา ใช้คำธรรมดา ให้เข้าใจความเป็นธรรมดายิ่งขึ้นจนกระทั่งมีความมั่นคงที่จะรู้ว่าเรามีความเข้าใจซึ่งเป็นของเราเอง ไม่ใช่เมื่อพูดถึงธรรมก็มีพระไตรปิฎกขึ้นมาอ้างโดยที่ว่ากล่าวตามพระไตรปิฎกทั้งหมดเลย แต่ว่าไม่มีความเข้าใจของเราเอง ต้องเป็นความเข้าใจของเราเองจริงๆ เพราะฉะนั้นถ้าใครสงสัยเรื่องอะไร หรืออยากฟังเรื่องอะไรก็เป็นธรรมทั้งหมด
ที่มา ...