ในขณะวิรัติทุจริต
แม้ในขณะวิรัติทุจริต ก็ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนอย่างไร
ผู้ฟัง ผมมีความสงสัยที่อาจารย์ได้กล่าวมาเมื่อกี้ ตามธรรมดาทั่วไปเรื่องของสังวร มีปาติโมกข์สังวรเป็นต้น อาจารย์ทั้งหลายก็สอนว่า อย่าไปยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส คิดนึก ถ้าอาจารย์สั่งว่าอย่างนี้ พอจะเข้าใจ แต่อาจารย์บอกว่า การสังวรนั้นก็ไม่ใช่ตัวตน และเมื่อไม่ใช่ตัวตน เวลาจะสังวร จะสังวรอย่างไรครับ ขออาจารย์ช่วยอธิบายให้ละเอียดกว่านี้หน่อย คือ ผมสงสัยอย่างนี้ เราก็สมาทานอยู่ศีล ๕ ประการ แต่บางครั้งเมื่อเหตุปัจจัยมันมี ทำให้ล่วงทุจริตไป เช่น ไปทำให้ยุงหรือมดตาย อย่างนี้เป็นต้น ขณะที่ล่วงทุจริตกรรมไป ขณะนั้นก็เผลอสติไป ทีนี้อาจารย์ต่างๆ บอกว่า ไม่ให้ฆ่าสัตว์ ไม่ให้ลักทรัพย์ ไม่ให้ประพฤติผิดในกาม มันก็คล้ายๆกับว่า มันมีตัวตนที่จะไปวิรัติทุจริต ที่ผมสงสัยก็เพราะอาจารย์บอกว่า ไม่มีตัวตน การสังวรนี่ไม่มีตัวตน ที่ผมสงสัยก็สงสัยอย่างนี้
ท่านอาจารย์ การฟังพระธรรมต้องฟังโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพระวินัย พระสูตร หรือพระอภิธรรม ก็จะต้องสอดคล้องกัน เพราะมิฉะนั้นแล้วท่านผู้ฟังจะประพฤติธรรมได้เพียงขั้นศีล ไม่สามารถจะประพฤติปฏิบัติได้สูงกว่านั้น แต่เพราะเหตุว่ามีการฟังและเข้าใจเรื่องของสภาพธรรมซึ่งเป็นอนัตตา ในพระสูตร ในพระอภิธรรมประกอบกับพระวินัย จึงเข้าใจได้ว่า แม้ขณะที่วิรัติทุจริตนั้นก็ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แต่เป็นกุศลจิตที่เกิดขึ้นจึงกระทำกิจวิรัติทุจริต ซึ่งการที่จะรู้จริงๆว่า ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนนั้น ไม่ใช่ท่องตาม ไม่ใช่พูดตาม หรือไม่ใช่เพียงคิดตาม แต่ต้องเป็นการอบรมเจริญปัญญา ที่สามารถจะถึงปหานวินัย คือ วิปัสสนาญาณเกิดขึ้นที่จะละการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตนได้ตามลำดับขั้น จนกระทั่งสามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมได้
ก็เป็นเรื่องของชีวิตประจำวันที่จะต้องศึกษาไป พิจารณาไป ฟังไป ประพฤติปฏิบัติไป จนกว่าปัญญาจะค่อยๆสมบูรณ์ขึ้น