นิมิตของสิ่งที่ปรากฏทางตา


    แต่ถ้าพิจารณาจริงๆ ไม่ผ่านไปอีกที่จะเข้าใจว่า “นิมิต”นั้นหมายความถึงอะไร ที่ใช้คำว่า “นิมิตและอนุพยัญชนะ” ทางตา

    โดยศัพท์ “นิมิต”หมายความถึงความฝันหรือสิ่งที่ไม่จริง เพราะฉะนั้นถ้าจะ พิจารณาก็จะต้องทราบว่า สิ่งที่ปรากฏทางตา เห็นเป็นรูปร่างสัณฐาน เป็นนิมิตของธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม เพราะเหตุว่าธาตุดิน น้ำไฟ ลม มีลักษณะที่อ่อนหรือแข็งเวลาที่กระทบ สัมผัสทางกาย แต่ที่ใดก็ตามที่มีธาตุน้ำธาตุดิน ธาตุไฟธาตุลมแล้ว จะต้องมีสี มีกลิ่น มีรส มีโอชะ คือ อาหารด้วย

    เพราะฉะนั้นในที่ใดก็ตามที่มีสี ที่นั่นเป็นนิมิต คือ เครื่องหมายว่า ในที่นั้นมีธาตุ ดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ที่จะเข้าใจได้ถึงสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ ตัวตนทางตาก็จะต้องมีการพิจารณาในขณะที่กำลังเห็น ซึ่งกำลังเป็นของจริงใช่ไหม คะ เวลานี้มีสีสันกำลังปรากฏทางตาทำให้รู้ว่า ที่ใดที่มีสีสันปรากฏที่นั้นมีเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว มีธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลมทำไมไม่พยายามจับอากาศ เพราะ เหตุว่าไม่มีนิมิตหรือรูปร่างสัณฐานว่าในที่นั้นมีธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลมแต่ทุก ท่านสามารถจะนั่งบนเก้าอี้หรือหยิบอาหารรับประทานหรือทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ ถ้า กระทบสัมผัสก็คือว่ากระทบสัมผัสธาตุดินที่อ่อนแข็งเท่านั้น หรือธาตุไฟที่เย็นหรือร้อน หรือธาตุลมที่ตึงหรือไหว แต่ว่าทางตาไม่สามารถกระทบสัมผัสธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ได้ แต่สามารถรู้ได้ว่าที่ใดมีธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลมเพราะเหตุว่าเห็นนิมิตของสิ่ง ที่ปรากฏทางตา ซึ่งเป็นสีสันวัณณะต่างๆ

    เพราะฉะนั้นถ้าพิจารณาอย่างนี้ ก็จะทำให้รู้ความจริงว่าสิ่งที่กำลังปรากฏทาง ตาที่เป็นโลกสว่าง มีธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ซึ่งทำให้เกิดนิมิตปรากฏทางตาเป็นสีสัน วัณณะต่างๆเพราะฉะนั้นผู้ที่เข้าใจผิด ก็ยึดถือธาตุดิน น้ำ ไฟ ลมว่า เป็นคนกำลังนั่งที่ เก้าอี้ นั่นเป็นความเห็นผิด ความเข้าใจผิดที่ยึดถือธาตุดิน น้ำ ไฟลมว่าเป็นคนว่าเป็น เก้าอี้ แต่ถ้าเป็นการพิจารณาที่ถูกต้องและเริ่มถูกก็จะรู้ว่าสิ่งที่ปรากฏทางตารูปร่าง สัณฐานสีสันวัณณะทั้งหลายเป็นแต่เพียงนิมิตหรือเครื่องหมายของธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม เท่านั้นเอง

    เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจถูกอย่างนี้ ก็ไม่มีคนกำลังนั่งเก้าอี้ เพราะเหตุว่าสิ่งที่ปรากฏ เป็นแต่เพียงนิมิต คือ เครื่องหมายของธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม เวลาที่กระทบสัมผัสเท่านั้น การที่จะประจักษ์แจ้งจริงๆว่า ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่วัตถุสิ่ง ต่างๆ จะต้องรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏแต่ละทางตามความเป็นจริง

    รูปร่างกายของคนซึ่งยึดถือว่าเป็นเราลักษณะของรูป ก็คืออ่อนหรือแข็งรูป วัตถุที่ยึดถือว่าเป็นเก้าอี้ก็คืออ่อนหรือแข็ง เป็นธาตุชนิดหนึ่ง ธาตุอ่อนหรือธาตุแข็ง คือ ปฐวีธาตุเมื่อไรที่ประจักษ์ความจริงอย่างนี้ เมื่อนั้นจึงไม่ใช่เรา ไม่ใช่โต๊ะ ไม่ใช่เก้าอี้ ไม่ ใช่วัตถุใดๆทั้งสิ้น แม้แต่ในขณะที่ลืมตาเห็น ก็รู้ว่า เห็นเพียงนิมิต คือ เครื่องหมายของ ดิน น้ำ ไฟ ลม เท่านั้นเอง เพราะเหตุว่ารูปสามารถปรากฏทางตาเป็นสีสันวัณณะต่างๆ สามารถปรากฏเวลากระทบกาย เป็นเย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหว เพราะฉะนั้น จึงเป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แต่ถ้าไม่พิจารณาอย่างนี้ก็ ผ่านไป ทางตาที่จะเป็นอนัตตาจะเป็นได้อย่างไรในเมื่อไม่เคยพิจารณาเลยว่า สิ่งที่ ปรากฏทางตาเป็นนิมิต เป็นเพียงสัณฐาน เป็นเพียงเครื่องหมายของธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ว่า ในที่นั้นมีธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม เท่านั้นเอง จริงไหมคะ

    เหตุผลที่จะต้องพิจารณาจนกระทั่งสติสามารถระลึกถูกต้องตรงตามความเป็น จริง และสามารถเข้าใจอรรถของคำว่า “อนัตตา” โดยไม่เพียงแต่ผ่านไป และคิดว่า เข้า ใจแล้วว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา


    หมายเลข 7907
    18 ก.ค. 2558