เป็นรูป เป็นนาม หรือ เป็นนิมิต
พิจารณาว่าเป็นรูปเป็นนาม หรือ พิจารณาเป็นนิมิต
ผู้ฟัง อาจารย์พูดถึงคำว่า“นิมิต” ทำให้รู้สึกสับสน คือที่อาจารย์เคยพูดอยู่เสมอนั้น ให้พิจารณาว่าเป็นรูปเป็นนาม ไม่ได้พูดให้พิจารณาเป็นนิมิต
ท่านอาจารย์ รูป คือ สภาพธรรมที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ถูกไหมคะ ทางตา รูปอะไรปรากฏ
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ ค่ะ ตอบได้ เป็นคนหรือเปล่า เป็นโต๊ะ เก้าอี้หรือเปล่า
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ ไม่เป็นแน่หรือคะ ไม่เป็นก็ประจักษ์ในความเป็นอนัตตา
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ ก็นั่นซิคะ ไม่ใช่จริง จึงเป็นนิมิต คือการที่จะเข้าใจสภาพธรรมจริงๆ ที่ว่าไม่เป็น เมื่อไม่ใช่ของจริงก็ใช้คำว่า “นิมิตตะ” เพราะเหตุว่าไม่ใช่ของจริง ไม่ใช่คน ไม่ใช่วัตถุสิ่ง ต่างๆ เป็นเพียงนิมิตตะเป็นเครื่องหมายให้รู้ว่า มีธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลมอยู่ที่ นั่น ท่านผู้ฟังหยิบนาฬิกาได้ เพราะเห็นนิมิตใช่ไหมคะ เครื่องหมายว่าในที่นี้มีธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม จึงหยิบกระทบสัมผัสสิ่งที่แข็ง นาฬิกาไม่มี วัตถุสิ่งต่างๆก็ไม่มี แต่เป็นรูปที่ปรากฏทางตา ของจริงเป็นแต่เพียงรูปที่ปรากฏทางตา แต่ที่ใดมีธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ที่นั่นมีสี มีกลิ่น มีรส มีโอชะ เพราะฉะนั้นเมื่อมีสีปรากฏ จึงทำให้เกิดการตรึกนึก ถึงรูปร่างสัณฐานของสิ่งที่ปรากฏยึดถือในนิมิต คือ รูปร่างสัณฐานนี้ว่าเป็นวัตถุสิ่งหนึ่ง คือ นาฬิกา ซึ่งจะต้องเห็นเป็นอนัตตาจริงๆ ที่จะละการยึดถือสภาพธรรมทั้งหลายว่าเป็น ตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล