บุญอยู่ที่จิต


    ผู้ฟัง เรียนถามอาจารย์เรื่องการทำบุญทำกุศล ไม่ทราบว่า จริงๆ จะได้ผลอย่างไรหรือไม่ได้ผล ช่วยอธิบายให้กระจ่างหน่อยครับ

    ท่านอาจารย์ ที่จริงปัญหานี้ดีมาก เพราะคนไทยเราคุ้นเคยกับการทำบุญมานานมากเลย ตั้งแต่เกิดมาก็ทำบุญกันหลายทาง ทั้งใส่บาตร และหลายๆ อย่าง แต่ปัญญา ความเข้าใจถูกต้องสำคัญมากที่สุด คือ รู้ว่า บุญ คือ จิตใจที่ดีงาม ที่เป็นกุศล ไม่ใช่อยู่ที่วัตถุ ถ้ามีของหลายๆ อย่างอยู่บนโต๊ะ ของนั้นก็ยังเป็นของนั้น จะเป็นบุญไปได้อย่างไร ใช่ไหมคะ จะเป็นกล้วย จะเป็นส้ม จะเป็นอาหาร ก็ยังคงเป็นกล้วย ส้ม อาหาร เป็นบุญไปไม่ได้

    เพราะฉะนั้นบุญไม่ใช่อยู่ที่วัตถุ แต่อยู่ที่สภาพของจิตที่ผ่องใส ไม่มีอกุศลใดๆ เพราะฉะนั้นบุญในพระพุทธศาสนามี ๑๐ ประการ ไม่ใช่มีประการเดียว คือ ทาน การให้สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบุคคลอื่น ในพระพุทธศาสนาใช้คำว่า บุญกิริยาวัตถุ ๑๐

    ฟังดู บางคนก็ไม่อยากจะรู้ภาษาบาลีเลย แต่เราใช้คำทุกคำ บุญ เราก็ใช้ กิริยา เราก็ใช้ วัตถุ เราก็ใช้ แต่ให้เราใช้ให้ถูก คือ วัตถุ ก็คือที่ตั้ง กิริยา ก็เป็นการกระทำ บุญก็คือดีงาม หรือการขัดเกลา

    เพราะฉะนั้นบุญกิริยาวัตถุ ก็คือวัตถุหรือที่ตั้งของการกระทำซึ่งเป็นกุศล เป็นสิ่งที่ดีงาม เป็นการขัดเกลาอกุศล เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้นก็มีถึง ๑๐ อย่าง แต่เริ่มต้นด้วยทาน คือ การสละวัตถุเพื่อประโยชน์สุขแก่บุคคลอื่น

    ที่ประเทศไทยเรายังมีความสุขสบายมากกว่าประเทศอื่น ก็เป็นเพราะเหตุว่าเราปลูกฝังพระพุทธศาสนา แม้ด้วยการกระทำเป็นประเพณี แม้ว่าเรายังไม่เข้าใจละเอียดมาก แต่เราก็ทำติดต่อกันมาโดยการช่วยเหลือกันด้วยจิตที่เป็นกุศล

    เพราะฉะนั้นสำหรับบุญ ได้แก่จิตขณะใดก็ตามซึ่งเป็นไปในทานบ้าง เป็นไปในศีล การวิรัติทุจริตบ้าง เป็นไปในการสงบของจิตบ้าง เป็นไปในการอบรมเจริญปัญญาบ้าง

    จริงๆ แล้วก็มีหนังสือที่พูดถึงเรื่องบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ แต่เฉพาะวันนี้ขอกล่าวถึงเฉพาะเรื่องทาน ให้ทราบว่า การทำบุญด้วยวัตถุ คือ การให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่บุคคลอื่น ถ้าเห็นว่าวัตถุที่เรามีพอจะเป็นประโยชน์กับใคร ให้ไปเลย ถ้าเราไม่ใช้วัตถุนั้น ไม่ต้องไปคิดว่า เขาจะว่าเราไหม คือ บางคนคิดมาก คิดมากจะให้ของใครก็กลัวคนรับเขาจะว่า เหมือนจะไปดูถูกเขา ก็แล้วแต่ความวิจิตรของจิตซึ่งคิดได้ต่างๆ กัน แต่ถ้าวัตถุนั้นเป็นประโยชน์ แล้วเขาต้องการ เราให้ได้ เราก็ให้ ขณะนั้นจิตที่ให้ก็เป็นกุศล แต่ต้องไม่หวังผล ไม่เหมือนกับซื้อขาย เพราะว่าบางคนให้เพราะหวังว่า เขาจะให้เราตอบ ให้เพราะว่าเขาจะได้รักเรา คือ จะเป็นการแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตาม ขณะนั้นจิตดีหรือเปล่า ต้องการอะไรหรือเปล่า เพราะว่าบุญนั้นคือจิตใจที่ดีงาม ที่เป็นกุศล ที่ปราศจากอกุศล เพราะฉะนั้นขณะนั้นไม่ใช่บุญแน่นอน บางคนก็ให้เพราะกลัว กลัวเขาก็ต้องให้ไปเสีย อย่างนั้นก็ไม่ใช่บุญอีก

    เพราะฉะนั้นหลักก็คือว่า สภาพของจิตที่ปราศจากความติดข้องในวัตถุนั้น แล้วก็เป็นจิตที่ดีงาม ขณะนั้นเป็นกุศล เป็นไปในทาน

    ถ้าโกรธ ให้ไหมคะ ทีแรกก็ตั้งใจจะให้ แต่พอคนนี้ทำสิ่งที่ไม่ถูกใจ ก็เก็บไว้ก่อน แสดงว่าบุญก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดง่าย บางทีกำลังจะเกิด ก็เกิดจะไม่เกิดขึ้นมาก็ได้ เพราะว่าจิตเกิดดับสลับกันเร็วมากทีเดียว

    ด้วยเหตุนี้ถ้ากุศลจิตจะเกิดขณะใด กลัวว่า ต่อไปเดี๋ยวกุศลจิตนั้นจะหมดเสีย ก็ต้องรีบกระทำกุศล ถ้ามีโอกาสที่จะกระทำได้ เพราะว่าจิตของคนเราเปลี่ยนแปลงกลับกลอก ไม่ตั้งอยู่คงที่


    หมายเลข 7977
    22 ส.ค. 2567