กรรมของเราเอง


    ผู้ฟัง ตามที่ท่านอาจารย์อธิบายมาเมื่อกี้นี้ ถ้าจิตวิญญาณเป็นกุศล

    ท่านอาจารย์ ถ้าจิตขณะนี้เป็นกุศล

    ผู้ฟัง แต่ถ้าเราไปเจอจิตวิญญาณที่ไม่เป็นกุศล แล้วเราไม่ได้เป็นผู้กระทำให้เขาเลย จิตวิญญาณอันนั้นจะมีผลส่งให้เรามีอันเป็นไปไหม

    ท่านอาจารย์ เจ้ากรรมนายเวรหรือคะ

    ผู้ฟัง ค่ะ อันนี้อยากทราบว่า เขาจะมีผลตอบสนองกับเราไหม ซึ่งบางครั้งเราอาจจะทำสิ่งที่เรานึกไม่ถึง แต่เราไม่สามารถสัมผัสสิ่งนั้นกับเขาได้

    ท่านอาจารย์ อันนี้อยากจะแก้นิดหนึ่งนะคะ โดยมากเรามักจะใช้คำว่า “วิญญาณ” คือสิ่งที่เรามองเห็น แต่ความจริงแล้ววิญญาณเป็นสภาพรู้ เป็นธาตุรู้ ไม่ใช่รูป ไม่มีรูปใดๆ เลย อย่างเสียง แม้ว่าเรามองไม่เห็นแต่เป็นรูป เพราะเหตุว่าเสียงไม่ใช่สภาพรู้ แต่ขณะที่กำลังได้ยิน ลักษณะที่ได้ยินมี คนตายไม่ได้ยิน เพราะคนตายไม่มีจิตใจ แต่ขณะที่คนเป็นๆ ได้ยิน ลักษณะที่ได้ยินเป็นสภาพของจิตชนิดหนึ่ง เราจะเรียกว่า “วิญญาณ” ก็ได้ “มโน” ก็ได้ “มนัส” ก็ได้ คือ จิตเป็นคำที่ใช้แทนสภาพที่เป็นสภาพรู้ เพราะฉะนั้นแล้วแต่ภาษา เหมือนอย่างผู้หญิง จะเรียกว่า “นารี” ก็ได้ “กุมารี” ก็ได้ “สตรี” ก็ได้

    เพราะฉะนั้นจิตซึ่งเป็นสภาพรู้ เราจะเรียกว่า “วิญญาณ” ก็ได้ เรียกว่า “มโน” ก็ได้ เรียกว่า “มนัส” ก็ได้ แต่สภาพรู้นี้ไม่มีใครเห็นเลย ทุกอย่างที่เห็นเป็นรูป ในขณะนี้ทางตา ไม่ว่าจะมีรูปร่างเป็นสัตว์ เป็นนก เป็นคน เป็นเปรต เป็นยักษ์ สิ่งที่ปรากฏให้เห็นเป็นรูป เราไม่สามารถจะเห็นจิตหรือวิญญาณได้ เพราะว่าจิตกับวิญญาณมีความหมายเดียวกัน

    เพราะฉะนั้นที่ว่าจิตวิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว แล้วจะมาทำอะไรเราได้ไหม เหมือนกับเคยทำกรรมกันมาในอดีต เป็นเจ้ากรรมนายเวรอย่างนั้น ใช่ไหมคะ

    พระพุทธศาสนาสอนในเรื่องของกรรม คือ เหตุที่จะทำให้เกิดผล คือ วิบาก เพราะฉะนั้นคนอื่นทำให้เราไม่ได้ เราเองเป็นผู้ที่ทำกรรม ใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นเราเองเป็นผู้รับผลของกรรม ถ้าคนนั้นไม่มีกรรมของเขา สิ่งนั้นก็จะเกิดกับเขาไม่ได้

    ไม่ต้องหวั่นเกรงอะไรเลยทั้งสิ้น ถ้าทำกรรมดี คนอื่นจะเปลี่ยนกรรมดีของเราให้เป็นอย่างอื่นได้ไหมคะ ไม่ได้ ใช่ไหมคะ เพราะกรรมนั้นทำแล้วเสร็จแล้ว เป็นสิ่งที่ดีด้วย ถ้าใครทำอกุศลกรรม คนอื่นจะไปเปลี่ยนอกุศลกรรมนั้นให้เป็นกรรมดีได้ไหมคะ เปลี่ยนเถอะ คนนี้เขาทำกรรมดีมามากนัก ถึงแม้เขาทำชั่วครั้งเดียว ให้เขาไปเป็นกุศลกรรม เราอภัยให้ได้ แต่สิ่งนั้นเสร็จแล้ว จบแล้ว เป็นผลที่ได้ทำแล้ว เป็นกรรมแล้ว เพราะฉะนั้นเป็นอกุศลก็ต้องเป็นอกุศล กุศลก็ต้องเป็นกุศล อกุศลก็เป็นอกุศล และชั่วขณะจิตที่เกิดแล้วก็ดับ ใครจะไปแก้ไขก็ไม่ได้

    เพราะฉะนั้นทุกคนมีทั้งกุศลกรรม และอกุศลกรรม เมื่อถึงคราวที่อกุศลกรรมให้ผล ไม่ต้องมีใครทำให้เลย เราตกกระไดเองก็ได้ มีดบาดเราเองก็ได้ แต่เวลาที่คนอื่นมาฟันเรา มาแทงเรา เรากลับคิดว่าเขาทำเรา ทำไมไม่คิดถึงเวลาที่เขาไม่ทำ แต่เป็นไปเองโดยที่ไม่ต้องมีใครทำ อย่างคนที่บ้านพัง เขาทำหรือเปล่า ผู้ร้ายที่ไหนมาทำหรือเปล่า ก็ไม่มีใครทำเลย แต่พังเอง ตามกรรมที่จะต้องเป็นไปอย่างนั้น

    เพราะฉะนั้นให้ทราบว่า ถ้าเราไม่เคยทำกรรมอย่างนั้น สิ่งนั้นจะเกิดกับเราไม่ได้ และไม่ใช่คนอื่นทำให้ด้วย กรรมของเราทำ เมื่อถึงคราวถึงโอกาสที่กรรมจะให้ผล สิ่งนั้นก็ต้องเกิด เปลี่ยนแปลงอะไรก็ไม่ได้ ไม่มีใครมาทำเลย เราทำเองทุกอย่างได้ ตกกระไดได้ มีดบาดได้ อะไรได้หมดทั้งนั้น

    ถ้าเราทำกรรมดีอยู่เสมอ ก็ไม่ต้องห่วงเลย แล้วไม่ต้องไปเชื่อว่า คนอื่นจะมาทำร้ายเราได้ แต่ให้มั่นคงในกรรมของเราเองว่า ต้องเป็นสิ่งที่เราได้ทำมาแล้ว


    หมายเลข 7985
    24 ส.ค. 2567