ต้องรู้ทุกข์จึงจะถึงนิพพาน
คุณศุกล คือเนื่องจากมีผู้กล่าวว่า มีการปฏิบัติในพระพุทธศาสนานั้นเปรียบเหมือนการเดินทาง พร้อมกันนั้นก็มีจุดมุ่งหมายว่า ทุกคนมุ่งไปจุดหมายปลายทางคือพระนิพพาน เพราะฉะนั้นการปฏิบัติทางพระพุทธศาสนา ก็มีลักษณะต่างๆ กัน เช่น บางสำนักก็สอนเรื่องความสงบ ทีนี้ในเมื่อมีความต่างกันอย่างนี้ และไปตรงกับสิ่งที่มีผู้กล่าวว่า อุปมาเหมือนการเดินทาง พร้อมทั้งยกตัวอย่างว่า เช่นเราจะเดินทางไปเชียงใหม่ จะเดินทางไปเครื่องบิน ก็ถึง จะไปทางรถไฟก็ถึง จะไปทางรถยนต์ก็ถึง จะเดินก็ถึง อยากจะเรียนท่านอาจารย์ว่า ข้ออุปมาที่เปรียบข้อปฏิบัติในทางพระพุทธศาสนาที่แบ่งออกเป็นหลายๆ ทางนั้น จะผิดจะถูกอย่างไร
ท่านอาจารย์ ใครบ้างคะที่อยากจะถึงนิพพาน ถามด้วยความจริงใจที่สุด กี่คนคะ น้อยใช่ไหมคะ ที่น้อย ผู้ที่ยังไม่ปรารถนา ถูก เพราะยังไม่ได้รู้เลยว่า นิพพานคืออะไร ลองคิดดูซิคะว่า พอใครพูดอะไรแล้วเราอยากได้ อยากถึง โดยที่เรายังไม่รู้เลยว่า นิพพานจริงๆ นั้นคืออะไร เราอยากได้อะไร
ถ้าถามจริงๆ ว่า อยากได้อะไร ต้องตอบให้ถูกว่า นิพพานคืออะไร แล้วถึงจะตอบได้ว่า อยากจะถึง ถ้าตอบไม่ได้ ยังไม่อยากถึงหรอกค่ะ เพราะยังไม่รู้ว่า นิพพานเป็นอย่างไร
เพราะฉะนั้นคุณศุกลอยากจะถึงนิพพานหรือเปล่าคะ
ศุกล พูดถึงความอยากถึง ก็อยากถึงครับ
ท่านอาจารย์ อยากถึงหรือคะ
คุณศุกล ครับ
ท่านอาจารย์ เร็วจังเลยค่ะ เร็วมากค่ะ คนที่อยากถึงนิพพานนี่เร็ว เร็วเกินไป ต้องใช้คำนั้น เพราะอะไรคะ ยังไม่ทันจะเห็นทุกข์ ก็อยากจะถึงนิพพาน นี่เป็นสิ่งที่ค้านกันแล้ว คนที่จะถึงนิพพานได้ คือผู้ที่เห็นทุกข์ ทุกข์ที่นี่ไม่ใช่หิว ไม่ใช่เจ็บ ไม่ใช่เบื่อ แต่เป็นการประจักษ์ลักษณะที่กำลังเกิดขึ้น และดับไปของสภาพธรรมในขณะนี้ ถ้ายังไม่ประจักษ์แล้วอยากจะถึงนิพพาน ไม่พอ เป็นแต่เพียงความอยาก
เพราะฉะนั้นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เมื่อมี
ผู้ฟัง ท่านว่า ทำไมบวชในพระธรรมวินัย ท่านเหล่านั้นตอบว่า เพื่ออบรมเจริญปัญญาให้เห็นทุกข์ แสดงให้เห็นว่า ท่านเป็นผู้รู้จักทุกข์ และรู้ว่า ท่านยังไม่เห็นทุกข์ตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นต้องเห็นทุกข์ก่อน
อริยสัจมี ๔ คือ ๑. ทุกขอริยสัจจะ เป็นความจริง แต่ใครเห็น ขณะนี้ยังไม่รู้เลยว่า จิตเป็นอย่างไร รูปเป็นอย่างไร เจตสิกเป็นอย่างไร สภาพธรรมเป็นอย่างไร ขณะนี้เกิดดับเป็นอย่างไร ก็ยังไม่รู้ แล้วจะถึงนิพพานทำไม จะถึงได้อย่างไรโดยที่ยังไม่รู้เลยว่า ถึงนิพพานแล้วจะเป็นอย่างไร เพราะเหตุว่าแม้แต่ทุกข์ในขณะนี้ก็ยังไม่ประจักษ์