เริ่มต้นจริงๆนั้นคืออย่างไร ๒
เพราะเหตุว่าความทุกข์มีหลายอย่าง เรื่องความทุกข์กาย เป็นเรื่องซึ่งไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะเหตุว่าตราบใดที่เรามีร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า มีความทุกข์กายเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น บางคนก็นิ้วเท้าแตก บางคนก็ศีรษะเป็นแผล เพราะฉะนั้นก็แสดงให้เห็นว่า เมื่อมีรูปร่างกายแล้วทุกข์กายต้องมี นี่ก็เป็นทุกข์ประจำชีวิต แต่นอกจากทุกข์กายแล้ว ทุกข์ใจยังมีอีกมากมายมหาศาล เพราะเหตุว่าร่างกายก็แข็งแรงดี แต่ทำไมมีความทุกข์ใจไม่จบสิ้น บางคนเงินทองก็มีมาก แต่ก็ยังมีความทุกข์ใจอยู่นั่นเอง เป็นกังวลเรื่องเงินทอง ไม่ทราบจะจัดการอย่างไรกับเงิน บางคนก็นอนไม่หลับ ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรจะต้องเดือดร้อนเลย
นี่ก็แสดงให้เห็นว่านอกจากเกิดมามีทุกข์กาย แล้วก็ยังมีทุกข์ใจอีกมากมาย ซึ่งยากแสนยากที่จะดับให้หมดสิ้นไปได้ เพราะเหตุว่าทุกข์วันนี้อาจจะหมด แต่พรุ่งนี้ก็มีทุกข์ใหม่มาเกิดเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นก็ไม่รู้จักจบ แต่พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงจากการตรัสรู้ความจริง แล้วเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ทรงแสดงพระธรรมให้บุคคลอื่นได้ฟัง ได้เกิดปัญญาของตนเอง
เพราะฉะนั้นการเริ่มต้นชีวิตของเราในพระธรรม ก็คือฟังพระธรรมให้เข้าใจ ให้เกิดปัญญาของเรา เพราะเหตุว่าตราบใดที่เรายังไม่ได้ฟังพระธรรม ปัญญาของเราจะเกิดไม่ได้ นอกจากเราคิดเอาเองว่า เราเข้าใจแล้ว แต่สิ่งที่เราคิดเราเข้าใจไม่ตรงกับที่พระผู้มีพระภาคตรัสรู้ได้ เพราะเหตุว่าเรายังไม่ได้เทียบเคียงว่า พระพุทธเจ้าสอนว่าอะไร เพราะฉะนั้นความเห็นของเราจะตรงกับพระธรรมที่ทรงแสดง หรือว่าจะต่างกันมากน้อยแค่ไหน
เพราะฉะนั้นการเทียบเคียง ก็คือขอให้เราฟังพระธรรม เพื่อที่เราจะได้ทราบว่า สิ่งที่เราเคยเข้าใจนั้นถูกต้อง หรือผิดจากการตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาค
ด้วยเหตุนี้การฟังพระธรรมก็เป็นการเริ่มต้นของพุทธศาสนิกชน ที่จะทำให้ได้เข้าใจจริงๆ ว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยพระปัญญาคุณ ด้วยพระบริสุทธิคุณ และด้วยพระมหากรุณาคุณ ถ้าเราไม่ฟังพระธรรม เราไม่มีโอกาสจะรู้เลย เราก็ไหว้พระจริง ไหว้รูป แต่ไม่ทราบว่า จะระลึกถึงพระคุณอะไร เพราะเหตุว่าไม่เข้าใจว่า พระคุณของพระองค์นั้นมีประการใดบ้าง แต่เมื่อเราได้ฟังพระธรรม เราจะเริ่มเข้าใจขึ้นว่า พระผู้มีพระภาคทรงมีพระปัญญาที่ได้สะสมมานานมาก ไม่ใช่ว่าไม่รู้อะไร แล้วก็สอนตามความคิดตามความเข้าใจ หรือสิ่งที่สอนก็เป็นสิ่งที่ง่ายแสนง่าย ซึ่งใครก็ฟังเข้าใจได้ ถ้าเป็นโดยลักษณะนั้นแล้ว ไม่ต้องทรงบำเพ็ญบารมีถึง ๔ อสงไขยแสนกัป