โลกแท้ๆหมายความถึงอะไร
เพราะฉะนั้นถ้าได้ฟังพระธรรมมากขึ้นก็จะเห็นธรรมแต่ละส่วนละเอียดขึ้น จนกระทั่งแม้ขั้นการฟัง ก็สามารถเข้าใจได้ว่า ไม่มีตัวตน แต่ดับกิเลสไม่ได้ เพราะเหตุว่าเป็นเพียงปัญญาขั้นฟัง ยังไม่ใช่ขั้นประจักษ์แจ้ง
เพราะฉะนั้นต้องมีปัญญาอีกขั้นหนึ่งซึ่งจะต้องอาศัยกาลเวลาที่จะอบรมที่ใช้คำว่า “ภาวนา” หรือใช้คำว่า “ปฏิบัติ” เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจคำว่า “ปฏิบัติ” ในพระพุทธศาสนาจริงๆ แล้ว ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาแล้วไม่รู้ความจริงที่กำลังเห็นทางตา ที่กำลังได้ยินทางหู ที่กำลังเป็นสุขเป็นทุกข์ทางใจ ถ้าเป็นธรรมที่มีจริงแล้ว ผู้ที่อบรมเจริญปัญญาตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ต้องมีความรู้ที่ค่อยๆ ชัดขึ้น เพิ่มขึ้น รู้ลักษณะของสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ที่กำลังปรากฏ แล้วจะรู้จักตัวเอง แล้วจะรู้จักชีวิต แล้วจะรู้จักโลก เพราะเหตุว่าถ้าเราจะถามกันเองก่อนศึกษาธรรมว่า โลกคืออะไร คำตอบก็อาจจะไม่ชัดเจนเลย แล้วตอบกันมาคนละแบบสองแบบ บางคนก็บอกว่า โลกคือก้อนกลมๆ ที่เรากำลังยืนอยู่เดี๋ยวนี้แหละเป็นโลก ตอบอย่างนั้นก็ได้ ใช่ไหมคะ แต่ความจริงแล้วในพระพุทธศาสนา มีโอกาสโลก มีสังขารโลก มีสัตวโลก
นี่แสดงให้เห็นว่า เป็นผู้ที่รู้แจ้งโลกจริงๆ ว่า โลกแท้ๆ หมายความถึงอะไร ภาษาไทยเราใช้คำในภาษาบาลี แต่ไม่ได้เข้าใจความหมายตามคำที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง อย่างคำว่า “โลก” ภาษาบาลี “โลกะ” หมายความถึงสิ่งซึ่งเกิดดับ ไม่เที่ยง เป็นโลก
โลกก้อนโตที่เรากำลังคิดว่า เรากำลังอยู่ในโลก หรือกำลังยืนอยู่บนโลก ก็ไม่ต่างอะไรกับผงดินก้อนโตใหญ่ เพราะเหตุว่าเมื่อแตกย่อยละเอียดเป็นกลุ่มเล็กที่สุดที่มีอากาศธาตุแทรกคั่นก็ไม่ต่างกับผงธุลี เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นที่ตัว หรือจะเป็นที่โต๊ะ ที่เก้าอี้ ที่โลก ถ้าเป็นรูปแล้ว ก็ต้องเป็นสภาพที่สามารถแตกย่อยทำลายจนเป็นส่วนที่ละเอียดที่สุด เล็กที่สุด และส่วนนั้นก็มีเหตุให้เกิดขึ้น และเมื่อเกิดแล้วก็ต้องดับไป
เพราะฉะนั้นคำจำกัดความของโลกที่แน่นอนที่สุด คือ สิ่งที่เกิดดับ
นี่เราต้องค่อยๆ เปลี่ยนความเข้าใจจากเดิมของเรา มาสู่สภาพธรรมที่มีจริงๆ แล้วเมื่อเป็นการตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคแล้ว ธรรมหรือคำใดที่ตรัส คำนั้นจะไม่เป็นสอง คือ จะไม่เปลี่ยน หรือจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ เช่น โลก คือ สภาพธรรมที่เกิดดับ