ต้องอาศัยการฟังเป็นขั้นๆ
ผู้ฟัง ...
ท่านอาจารย์ ใช่ค่ะ เป็นความจริงหมายความว่า เมื่อเราเห็นแล้วนึกหรือไม่นึก ใช่ไหมคะ มีภาษาในโลกเยอะแยะ ภาษาญี่ปุ่น หรือภาษาแขก ภาษาจีน หรือภาษาไทย หรือภาษาอะไร แล้วแต่ว่าเราสามารภจะนึกตามเส้นได้มากน้อยแค่ไหน
ผู้ฟัง มองเห็นคือสีเท่านั้น แต่ที่ต่อไปเราก็เก็บไว้ก่อน เพราะว่าเรามองไม่เห็น
ท่านอาจารย์ คือธรรมเป็นเรื่องที่เมื่อได้ยินได้ฟังครั้งแรก เราก็พิจารณาว่าจริงไหม ถ้าจริง แต่เรายังไม่ได้ประจักษ์แจ้ง เพราะฉะนั้นเราก็ฟังต่อไปอีก พิจารณาต่อไปอีก ค่อยๆ เข้าใจขึ้นอีก จนกว่าเราจะประจักษ์แจ้งจริงๆ เพราะว่าสิ่งใดที่เป็นจริง สิ่งนั้นพิสูจน์ได้
ผู้ฟัง ขอให้อาจารย์พูดเยอะๆ ผมจะพิจารณาอีกรอบหนึ่งๆ จดด้วย สติไม่เกิด ปัญญาไม่เกิด บางทีก็เกิด บางทีก็รู้ ก็รู้สึกว่าธรรมนั้นอะไรเกิดขึ้น ตัวตน เรียกว่าได้ยินตอนนั้น เขาเรียกอะไรก็เรียกไม่ถูก
ท่านอาจารย์ ค่ะ ก็เป็นนามธรรม เป็นสภาพรู้ คือ เราแยกโลก หรือจักรวาล หรือสภาพธรรมที่มีจริงทั้งหมดออกแล้วเป็น ๒ ประเภทใหญ่ๆ ลักษณะหนึ่งเป็นสภาพรู้ อีกลักษณะหนึ่งไม่สามารถรู้อะไรได้ ทีนี้ถ้าเราจะเติมคำภาษาบาลีไปสักนิดหนึ่ง สภาพรู้เป็นนามธรรม คือ ธรรมเป็นธรรมทั้งหมดเลย แต่ธรรมที่เป็นสภาพรู้นั้นเป็นนามธรรม ส่วนสภาพที่ไม่รู้เป็นรูปธรรม อันนี้เราต้องยอมรับความจริงเป็นขั้นๆ ว่ามีแน่ๆ เลยนามธรรม ทีนี้ขั้นต้น คือ รู้จักชื่อ ได้ยินชื่อ แล้วก็คุ้นหู ถ้าจะไล่เรียงเราก็บอกได้ว่า ได้ยินไม่มีรูปร่าง แต่เป็นสภาพที่สามารถรู้เสียง กำลังได้ยิน ได้ยินเสียงสูง เสียงต่ำ นั่นเป็นลักษณะได้ยิน เป็นนามธรรม
นี่ความรู้ขั้นฟัง แล้วความรู้ขั้นเข้าใจด้วย แล้วยังต้องมีความรู้ขั้นพิจารณาจริงๆ ความรู้ที่เริ่มจะเข้าใจขณะที่กำลังได้ยิน ต้องเพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่ง ถ้าเดี๋ยวนี้กำลังได้ยิน แต่เรากำลังฟังเรื่องการได้ยิน จนกว่าจะมีการรู้ลักษณะที่ได้ยิน นี่เป็นอีกขั้นหนึ่ง คือ สภาพธรรมที่มี ต้องอาศัยการฟังเป็นขั้นๆ และต้องใจเย็นๆ อย่ารีบร้อนไปไหน