ปฏิบัติธรรมเริ่มจากความเข้าใจ


    ผู้ฟัง อยากเรียนถามว่า สภาพรู้ที่เรารับฟัง เกิดความเข้าใจ หรือถ้าเราพยายามศึกษาหรืออ่าน ก็พยายามจะเข้าใจ ก็ถือว่าเดิมเราอาจจะคิดเป็นความรู้ ทีนี้อ่านก็ทราบว่า ความรู้ที่เกิดจากการปฏิบัติจริงๆ สมมติว่าเกิดจากการปฏิบัติ มีสมาธิ เราเกิดรับรู้เอง เห็นเอง ตรงนี้ต่างกับสภาพความรู้จากการฟัง หรืออ่านจากที่เราศึกษาอย่างไร

    ท่านอาจารย์ ค่ะ คือเวลานี้มีทางหลงทาง คือว่าทางมี ไปสู่การรู้แจ้งสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เป็นของจริง เป็นอริยมรรค เป็นมรรคมีองค์ ๘ หรือจะใช้คำว่า “ทางสายกลาง มัชฌิมาปฏิปทา” มีอีกหลายชื่อทีเดียว แต่ให้ทราบว่า ทางที่จะรู้ความจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏที่เกิดดับ มี อันนี้เป็นทางจริงๆ นอกจากนั้นยังมีทางสำหรับจะหลงด้วย คือ ไม่ใช่ทางนี้ ไปทางอื่นแล้วก็หวัง เพียงหวังว่าจะถึงทางนี้ แต่การที่จะรู้ว่า ทางนี้เป็นทางจริง หรือเป็นทางที่จะหลงทาง ก็คือว่าปัญญามีหรือเปล่า

    พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยพระปัญญา ถ้าไม่มีปัญญาแล้ว อย่างไรๆ ก็เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้แน่ หรือพระสาวก ตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ ก็ต้องมีปัญญา แล้วถ้าปัญญาขั้นฟังไม่มี ปัญญาขั้นอื่นจะมีได้ไหม เป็นเรื่องของปัญญาล้วนๆ ที่กำลังมาฟังขณะนี้ ใครเข้าใจ เคยเป็นเรา แต่ให้ทราบว่า ความจริงแล้วเป็นปัญญา ซึ่งเริ่มเกิด เริ่มเจริญ เริ่มที่จะรู้ว่า สภาพธรรมที่มีจริงนั้นคืออะไรในขณะนี้ นี่เป็นปัญญาขั้นหนึ่ง

    เพราะฉะนั้นที่ใช้คำว่า “ปฏิบัติ” เข้าใจว่า คนที่ใช้คำนี้ ก่อนนั้นไม่ได้ศึกษาเลย ไม่ได้ฟังพระธรรมเลยด้วยซ้ำไป แต่ได้ยินแต่คำว่า “ปฏิบัติ” และภาษาไทยเราใช้คำนี้มาก พอพูดถึงคำว่า “ปฏิบัติ” คนไทยทุกคนรู้เลยว่า แปลว่า “ทำ” ไม่ว่าจะทำอะไรทั้งสิ้น ปฏิบัติก็คือทำนั่นเอง

    เพราะฉะนั้นพอบอกว่า ต้องไปปฏิบัติธรรม ก็เลยคิดว่า ต้องไปทำอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่เขียนหนังสือ ไม่ใช่ว่ายน้ำ เหมือนทางโลกที่ทำกันอยู่ คงต้องไปนั่งขัดสมาธิ แล้วก็หลับตา เพราะว่ามีหลานเล็กๆ คนหนึ่ง เขาบอกคุณยายของเขาให้นั่งสมาธิ เอามือซ้อนกันแล้วก็หลับตา เด็กชั้นอนุบาลเอง แต่เขาเข้าใจว่า นั่นคือปฏิบัติ นั่นคือทำ ซึ่งความจริงแล้วไมใช่อย่างนั้นเลย เวลานี้เรากำลังทำอะไรหรือเปล่า เวลานี้เดิมเราก็เข้าใจว่า เราไม่ได้ทำงานอื่น แต่ก็กำลังทำเหมือนกัน คือ กำลังนั่งฟังธรรม นี่คือกำลังทำเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ทำอย่างอื่น

    จริงๆ แล้ว เห็น กำลังทำหน้าที่เห็น เป็นหน้าที่ของจิต เวลาเราพูดเรื่องจิต เหมือนกับเราเข้าใจแล้ว แต่จริงๆ แล้วถ้าถามว่า จิตอยู่ที่ไหน ขณะนี้เดี๋ยวนี้จิตทำอะไร ถ้ามีจิตจริงๆ ก็ต้องสามารถยกออกมาให้เราเห็นได้ว่า นี่คือจิตนะ และจิตมีลักษณะอย่างนี้นะ แล้วจิตกำลังทำหน้าที่อย่างนี้นะ

    เพราะฉะนั้นให้ทราบว่า ขณะนี้บางคนอาจจะบอกว่า นั่งเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร แต่ความจริงแล้วสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมเกิดขึ้นต้องทำกิจการงานทุกขณะ ไม่มีจิตสักขณะเดียวหรือประเภทเดียวซึ่งเกิดขึ้นแล้วไม่ได้ทำอะไร เวลานี้จิตเกิดแล้วก็ดับ จิตขณะหนึ่งสั้นมาก เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วก็ดับ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อจิตเกิดแล้ว เกิดเพื่อทำกิจการงานนั้นเฉพาะหน้าที่นั้นๆ แล้วดับ

    เพราะฉะนั้นขณะนี้ที่เห็นเป็นจิตเกิดขึ้นทำหน้าที่เห็น ขณะที่ได้ยินก็เป็นจิตเกิดขึ้นทำหน้าที่ของจิตได้ยิน เพราะฉะนั้นสภาพธรรมแต่ละอย่างมีกิจหน้าที่ ที่บอกว่า “ปฏิบัติ” เอาอะไรปฏิบัติ กำลังนี้เห็น ถ้าจะบอกว่า ปฏิบัติธรรม เอาอะไรปฏิบัติ จิตเห็นปฏิบัติอะไรไม่ได้ ได้แต่เห็นอย่างเดียว จิตได้ยินก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากได้ยินอย่างเดียว จิตได้กลิ่นก็ทำอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากได้กลิ่น จิตที่รู้สิ่งที่กำลังอ่อนหรือแข็ง ทำอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากรู้อ่อนหรือแข็ง จิตที่คิดนึก คิดเหมือนกัน หมายความว่าจะคิดอะไรก็ได้ แต่คิด เป็นจิตที่คิด ไม่ใช่จิตที่เห็น ไม่ใช่จิตที่ได้ยิน

    เพราะฉะนั้นให้ทราบว่า จิตทุกประเภท ทุกขณะ เกิดขึ้นปฏิบัติกิจ เพราะฉะนั้นถ้าเราพูดว่า ขณะนี้ที่เราเห็น เราไม่ได้ปฏิบัติธรรม หรืออะไรก็ตามแต่ เพราะฉะนั้นขณะที่ปฏิบัติธรรม อะไรปฏิบัติ ต้องมีสภาพธรรมที่ปฏิบัติ เหมือนอย่างจิตกำลังปฏิบัติหน้าที่เห็น หน้าที่ได้ยิน เพราะฉะนั้นถ้าจะมีการปฏิบัติธรรม ก็ต้องดูรู้ว่า อะไรปฏิบัติ ถ้าตอบไม่ได้ ไม่ใช่ปฏิบัติธรรม

    เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งไปคิดว่า เขาปฏิบัติธรรมโดยที่เขาไม่รู้อะไรเลย แล้วอยู่ดีๆ นั่งไปนั่งมาสักครู่ก็จะเกิดรู้ขึ้นมา เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าถ้ารู้ต้องรู้ความจริงเดี๋ยวนี้ที่กำลังปรากฏ นี่คือปัญญา

    สิ่งเมื่อกี้ดับหมดแล้ว สิ่งที่จะเกิดข้างหน้าก็ยังไม่เกิด เพราะฉะนั้นขณะนี้ของจริงคือเดี๋ยวนี้เอง ทางตาที่กำลังเห็น จริง ทางหูที่กำลังได้ยิน จริง ทางกายที่กระทบสัมผัส จริง ทางใจที่กำลังคิดนึก จริง ปัญญารู้ความจริง คือ รู้สิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ จึงเป็นปัญญา แต่ถ้าไม่รู้สิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ ใครจะบอกว่าเป็นปัญญา ก็ไม่ใช่ปัญญา จะเป็นปัญญาได้อย่างไร ในเมื่อไม่รู้สิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏ

    เพราะฉะนั้นปฏิบัติธรรม ถ้าตอบไม่ได้ว่า อะไรปฏิบัติ ก็ไม่ใช่ปฏิบัติธรรม อย่าไปหลงทางอย่าไปหลงเข้าใจผิดว่า เขาปฏิบัติธรรมกัน


    หมายเลข 8082
    24 ส.ค. 2567