สวรรค์ ๖ ชั้นมีจริงมั้ย


    ผู้ฟัง สวรรค์ที่มี ๖ ชั้น ไม่ทราบมีจริงหรือเปล่าคะ

    ท่านอาจารย์ แล้วใครเป็นคนบอกคะ

    ผู้ฟัง ไปเจอในบทสวดมนต์

    ท่านอาจารย์ นั่นซิคะ ใครเป็นคนบอกว่ามีสวรรค์ ๖ ชั้น

    ผู้ฟัง ก็คงจะเป็นตำรา

    ท่านอาจารย์ ในพระไตรปิฎกค่ะ ใครบอก

    ผู้ฟัง ก็คงจะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ท่านอาจารย์ แน่นอนค่ะ ถ้าเป็นในพระไตรปิฎกก็ต้องเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ผู้ฟัง ตกลงมีใช่ไหมคะ

    ท่านอาจารย์ ในพระไตรปิฎกมี แล้วผู้ที่ตรัสไว้ก็คือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พาไปดูไม่ได้ แต่ไปเองได้ด้วยกรรม

    ผู้ฟัง ตกลงมีทุกอย่างตามในบทสวดมนต์ใช่ไหมคะ

    ท่านอาจารย์ ถ้าคิดถึงเหตุว่า เหตุมี ผลจะมีไหมคะ กรรมมีทั้งประณีต และไม่ประณีต เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เราก็ยังเห็นผลของกรรม ใช่ไหมคะ คนเราเกิดมาต่างกัน รูปร่างก็ไม่เหมือนกัน ฐานะก็ไม่เหมือนกัน นิสัยใจคอ ความรู้ วงศาคณาญาติ ทุกอย่างไม่เหมือนกันเลย เพราะฉะนั้นก็ต้องแล้วแต่เหตุคือกรรมที่ประณีต และไม่ประณีต วิถีชีวิตก็ยังต่างกันอีก ตอนเด็กอาจจะสบาย ตอนโตอาจจะลำบาก ไม่มีใครรู้ได้ว่า กรรมไหนจะให้ผลเวลาไหน

    เพราะฉะนั้นถ้าเป็นกรรมที่ประณีตกว่าการเกิดเป็นมนุษย์ ก็เกิดในภูมิที่สูงกว่ามนุษย์ได้ ต้องคิดถึงเหตุว่า เหตุมีไหม ถ้าเหตุมี ผลก็มีได้ แต่ถ้าเหตุไม่พอ จะให้ผลอย่างนั้นเกิดก็ไม่ได้ อย่างทำกุศลแล้วจะให้เกิดเป็นพรหม ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าต้องเป็นผลของจิตที่สงบถึงขั้นอัปปนาสมาธิที่ไม่เสื่อม

    ผู้ฟัง เรื่องของสวรรค์ กระผมเชื่อว่า เชื่อตามพระไตรปิฎกหรือที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประทานไว้ในพระไตรปิฎก ผู้ที่เป็นเทพในสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้นนั้น โดยเหตุ และผลก็ควรจะมีเทพที่ไม่ใช่เรามองเห็นในภาพจินตนาการของศิลปะประเพณีไทยว่า เทวดาใส่ชฎา

    ท่านอาจารย์ ไปไหนก็ต้องเหาะหรือคะ

    ผู้ฟัง เทพของแขกก็คงจะมี หรือเทพของฝรั่ง

    ท่านอาจารย์ ถ้าพวกเราไปเกิดเป็นเทวดา เราคงไม่อยากรำ คงไม่อยากใส่ชฎา ใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เราจะเกิดในภูมิที่ไม่เดือดร้อนทางกาย แล้วทุกอย่างก็น่ารื่นรมย์ เพราะเหตุว่าเป็นช่วงของชีวิตที่เสวยผลของบุญ ไม่มีเรื่องลำบากเหมือนอย่างในมนุษย์ เราต้องหุงข้าว เราต้องอาบน้ำ เราต้องทำอะไรสารพัดอย่าง เทวดาก็ไม่ต้องอาบน้ำ ไม่ต้องแปรงฟัน ก็สบายไปหลายอย่าง

    ผู้ฟัง ก็แสดงว่า เทพต้องมีอะไรที่พิเศษกว่าคนธรรมดาแน่นอน

    ท่านอาจารย์ ใครจะเขียนอย่างไรก็ได้ ใครจะชอบอย่างไรก็ได้ แม้แต่มนุษย์เราก็ยังมีอัธยาศัยต่างๆ กัน เพราะฉะนั้นเมื่อตายไปแล้วไปเกิดเป็นเทวดาด้วยผลของกุศลกรรม ก็ไม่ได้หมายความว่า อุปนิสัยของเราจะเอาทิ้งไปที่อื่น เราก็ยังมีอัธยาศัยต่างๆ กัน มีศาลาสุธัมมาทุกชั้นค่ะ สำหรับฟังธรรม สำหรับผู้ที่สนใจในธรรม แต่ผู้ที่ไม่สนใจก็ไปเพลิดเพลินในสวนนันทวัน


    หมายเลข 8118
    24 ส.ค. 2567