ต้องพิจารณาแต่ละขณะจิต


    ผู้ฟัง คนที่รู้จักกัน เขาเลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้งในบ่อกุ้ง แล้วเขาต้องเอากุ้งเอาปลามารับประทาน สมมติว่าเขาจะเอามาเลี้ยงเรา ก็ห้ามเขา แต่ไม่ค่อยกล้าห้าม แต่เราไม่กล้าทาน เราเห็นอยู่ในบ่อนั้น

    ท่านอาจารย์ เราต้องเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะที่จะรู้สภาพจิตว่า ขณะใดเป็นกุศล ขณะใดเป็นอกุศล ไม่อย่างนั้นเราก็มัวแต่คิด เป็นอย่างนั้นดีไหม ทำไหม หรืออะไรอย่างนั้น ได้ไหม สำคัญไหม ผิดไหม เราก็ได้แต่คิด เพราะไม่รู้สภาพจิตจริงๆ ซึ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป

    เพราะฉะนั้นจึงต้องเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะถึงจะเป็นผู้ตรงว่า ไม่เป็นอกุศลชนิดนี้ ก็เป็นอกุศลชนิดอื่น ไม่เป็นโทสะก็เป็นโลภะ ก็ยังคงเป็นอกุศลทั้ง ๒ อย่าง

    ผู้ฟัง แล้วคนที่เขาเลี้ยงแล้วเขาต้องเอาไปขาย เขาจะบาปไหมคะ

    ท่านอาจารย์ ต้องรู้จิตของเขาขณะหนึ่ง ขณะหนึ่ง ขณะหนึ่ง ไม่เหมือนกัน เวลาที่เราพูดถึงเหตุการณ์ เราลืมว่าเราต้องคิดถึงขณะจิต

    ผู้ฟัง แล้วถ้าเราไปช่วยเหลือเขาด้วยการให้เขากู้ยืมเงินไปทำบ่อปลา

    ท่านอาจารย์ คิดถึงขณะจิตค่ะ ไม่ต้องคิดถึงเหตุการณ์ทั้งเหตุการณ์ยาวๆ คิดถึงแต่ละขณะจิต

    ผู้ฟัง ขณะที่เราให้ใช่ไหมคะ

    ท่านอาจารย์ ขณะจิตนั้นเป็นกุศลหรือเปล่า หรือเป็นอกุศล นั่งเฉยๆ ขณะนี้เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล

    ผู้ฟัง แต่ขณะที่ให้เขายืม เป็น ...

    ท่านอาจารย์ ไม่มีใครรู้จิตของคนอื่น ต้องรู้จิตของตัวเอง

    ผู้ฟัง เรามีความรู้สึกว่า เราสงสารเขา อยากให้เขามีอาชีพ

    ท่านอาจารย์ นั่นแหละค่ะ ต้องรู้จิตของตนเอง สงสารก็เป็นอกุศลได้

    ผู้ฟัง ในทางที่ผิดใช่ไหมคะ

    ท่านอาจารย์ จิตเศร้าหมองขณะไหน ขณะนั้นเป็นอกุศล ความรู้สึกไม่สบายใจเกิดขึ้นขณะไหน ขณะนั้นเป็นอกุศล อย่างเห็นปลาที่เพื่อนฆ่า รู้สึกไม่สบายนั้นเป็นอกุศล

    ผู้ฟัง ถึงแม้เราไม่ทาน

    ท่านอาจารย์ อย่างไรก็ตามให้สังเกตได้ที่เวทนา คือ ความรู้สึก ถ้าเป็นความรู้สึกไม่สบายใจแล้วเป็นอกุศลทั้งหมด


    หมายเลข 8119
    24 ส.ค. 2567