ขณะนี้อะไรเป็นธรรม ๒


    มีใครสงสัยเรื่องธรรมหรือเปล่าคะ คำว่า “ธรรม” คำเดียว สิ่งที่มีจริงๆ ขณะนี้ ยกตัวอย่างอีกนะคะ ต้องไปตามลำดับ เสียงเป็นธรรมหรือเปล่า เป็น ได้ยินก็เป็น

    เพราะฉะนั้นน้ำไหล เป็นสิ่งที่เราเห็นทางตา เป็นไปได้ไหมคะ น้ำไหลไม่ใช่สิ่งที่จะรู้ได้ทางตา หูได้ยินเสียง ได้ยินเสียง หลังจากได้ยินแล้วคิด

    อันนี้สำคัญที่สุดที่จะรู้ว่า เราอยู่ในโลกของความคิดตลอดเวลา ทันทีที่เห็น สิ่งที่ปรากฏทางตา เราคิดถึงคน โดยมีรูปร่างสัณฐานให้เราจำได้ว่าเป็นคนนั้น คนนี้ พอเห็นปุ๊บ จำได้เลย เพราะว่ามีสิ่งที่ปรากฏอีกชนิดหนึ่ง คือ สัญญาเจตสิกเป็นสภาพที่จำ สภาพธรรมนี้จะเกิดกับจิตทุกขณะ ไม่ว่าจิตเกิดขึ้นขณะไหน จะต้องมีเจตสิก คือ สัญญาเจตสิกเกิดร่วมด้วย แล้วจะจำรูปร่างสัณฐานของสิ่งที่ปรากฏ จำลักษณะสูงต่ำของเสียง จะจำกลิ่น จำรส แล้วก็เป็นการคิดนึกเรื่องราวของสิ่งที่จำได้

    นี่แสดงให้เห็นว่า จิตเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปเร็วมาก แล้วเราก็ไม่รู้เรื่องจิตเลย แต่เราพูดเรื่อง “ทางสายกลาง” เราพูดเรื่องอะไรตั้งหลายอย่าง ซึ่งไม่ตรงกับที่ทรงแสดงไว้ว่า ต้องเป็นเรื่องที่ละเอียดกว่านั้น

    นี่เป็นสิ่งซึ่งแสดงให้เห็นว่า ต้องศึกษา ต้องฟังมากๆ และต้องรู้ว่า การศึกษาพระธรรมหรือ พระพุทธศาสนานั้นคือ การศึกษาเพื่อให้รู้ เพื่อให้เข้าใจพระปัญญาคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ไม่เหมือนคนอื่น ต้องลึกซึ้ง ต้องตรง ต้องถูก ไม่มีใครสามารถจะเปลี่ยนแปลงอริยสัจธรรมได้ เพราะเหตุว่าธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง ไม่ใช่สัตว์บุคคล เป็นธาตุแต่ละชนิดซึ่งเป็นสัจจะ เป็นความจริง แล้วเป็นอริยะ คือ ประเสริฐ สำหรับผู้ที่ได้อบรมเจริญปัญญาจนสามารถรู้แจ้งความจริงของสภาพธรรม บุคคลนั้นก็เป็นอริยบุคคล เป็นผู้ที่อบรมเจริญปัญญาจนถึงระดับขั้นที่ประเสริฐ คือ รู้แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ แต่ต้องเริ่มจากการฟัง


    หมายเลข 8125
    24 ส.ค. 2567