ฟังธรรมแล้วได้อะไร


    ผู้ฟัง ถ้าเราฟังธรรมแล้วเราจะได้อะไรบ้าง

    ท่านอาจารย์ น่าคิดนะคะ เพราะว่าเรามาที่นี่ แล้วก็มานั่งกันบางทีก็ไม่ใช่ประเดี๋ยวเดียว ก็นั่งกันไปพอสมควร แล้วจะได้อะไร

    ได้ฟังสิ่งที่ไม่เคยได้ยิน เพื่อจะได้พิจารณาว่าถูกไหม และสิ่งที่ได้ฟังจะเป็นประโยชน์ไหม เพราะเหตุว่าเป็นชีวิตของเราจริงๆ ซึ่งเราไม่เคยรู้เลย ทำให้เรารู้จักตัวเอง และรู้จักว่าที่เราเคยยึดถือว่าเป็นเรามาตั้งแต่เกิด แล้วจะหมดสิ้นไปตอนตาย หายไปไหน เราที่เคยยึดถือมาตลอดตั้งแต่เกิดจนตายหายไปไหนเมื่อตายแล้ว แต่ตามความเป็นจริงแล้วจะสอนเราให้เข้าใจเหตุผลตั้งแต่ขณะเกิด แล้วก็ทุกๆ ขณะในชีวิตจนกระทั่งถึงขณะที่จากโลกนี้ไป แล้วยังติดตามไปถึงชาติต่อๆ ไปด้วย ถ้าเรามีความเข้าใจที่ถูกต้อง

    เพราะฉะนั้นการฟังทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นฟังธรรม หรือจะฟังวิชาหนึ่งวิชาใดก็ตาม เพื่อได้ยินได้ฟังสิ่งซึ่งเราไม่เคยฟัง ถ้าเราเคยฟังมาแล้วก็รู้แล้ว ก็ไม่ต้องฟังอีก ก็รู้แล้ว แต่เพราะเหตุว่ายังมีอีกมากนักที่เรายังไม่เคยฟัง เพราะฉะนั้นก็ฟังเพื่อให้รู้ว่า สิ่งที่เราไม่ได้เคยเข้าใจ ไม่เคยรู้มานั้นมีอะไรบ้าง แล้วก็พิจารณาว่าจริงหรือเปล่า และก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ไหมเมื่อรู้แล้ว เพราะเหตุว่าเป็นเรื่องของชีวิตเรา ซึ่งเราเองไม่รักใครเสมอตนค่ะ มีความสุข ก็เป็นสุขเสียเหลือเกิน มีความทุกข์แม้เล็กๆ น้อยๆ ก็ดูมันใหญ่โตเสียเหลือเกิน นี่ก็คือว่า มีสุข มีทุกข์ในชีวิตประจำวันก็แสวงหาเพื่อจะแก้ไขทุกข์ให้กลับเป็นสุข

    เพราะฉะนั้นวันหนึ่งๆ เราก็หวังแต่สุข โดยที่ไม่รู้ว่า แม้ความสุขนั้นก็ไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เพราะฉะนั้นให้เข้าใจความจริงว่า ไม่มีตัวตนเลยตามความเป็นจริง ถ้าตราบใดที่ยังไม่ได้ฟังพระธรรม ยึดถือหมดว่าเป็นเรา เป็นตัวตนของเรา แล้วก็เป็นของของเราด้วย ตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้า ผมเรา มือเรา เท้าเรา เล็บเรา ใจเรา ความคิดของเรา ทุกอย่างเป็นเรา แล้วก็เป็นของเราด้วย

    นี่แสดงให้เห็นว่า ความยึดมั่นในสิ่งที่มีเหมือนกับการยึดมั่นใน “กำมือเปล่า” ซึ่งตราบใดที่เรายังกำอยู่ด้วยความไม่รู้ เราจะคิดว่า มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดอยู่ในกำมือ แต่พอแบมือออกก็ไม่มีอะไรเลย เพราะฉะนั้นถ้าปัญญาเราสามารถเห็นตามความเป็นจริงว่า ชีวิตแต่ละขณะไม่เที่ยง เกิดแล้วก็ดับไป เกิดแล้วก็ดับไป เกิดแล้วก็ดับไป สืบต่อตั้งแต่เกิดแต่ละขณะสืบต่อไปจนกว่าจะถึงขณะสุดท้าย คือ ตาย แล้วก็ไม่มีอะไรเหลือ นอกจากสิ่งที่เราพยายามแสวงหาแล้วเข้าใจว่าเป็นของเรา และเป็นสุข

    เพราะฉะนั้นพระธรรมทำให้เราเกิดความเห็นที่ถูกต้อง ให้รู้จักตัวเองตามความเป็นจริง ทำไมเราจึงเกิดมา ไม่เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ไม่ได้เป็นนก เป็นแมว แต่เกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นคน แล้วบางภูมิก็เกิดเป็นเทวดา เป็นเทพ เป็นพรหม

    นี่แสดงให้เห็นว่า ต้องมีเหตุ ทุกอย่างที่เป็นผลต้องมาจากเหตุ แต่เพราะเหตุว่าเรายังไม่รู้เลย เราก็คิดไปเองตามความเข้าใจ คิดว่า สวรรค์ไม่มีบ้าง นรกไม่มีบ้าง พรหมไม่มีบ้าง เทพไม่มีบ้าง แต่พระธรรมทั้งหมดจะสอนให้เรารู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง แล้วหมดความสงสัย เพราะเหตุว่าถ้าไม่ศึกษาพระธรรม เรายังสงสัย เพราะเรายังมีความไม่รู้ นั่นจริงไหม เทวดาจริงไหม ด้วยความไม่รู้ทั้งหมด แต่พระธรรมจะทำให้เราเข้าใจแต่ละขณะถูกต้อง

    เพราะฉะนั้นนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เราเกิดความรู้ ความเข้าใจ ละความไม่รู้ ไม่เข้าใจ ละการยึดถือสิ่งที่เราเคยยึดถือมาผิดๆ ให้เป็นคนที่ตรงต่อเหตุผล

    เพราะฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับเราว่า เราต้องการจะรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงไหม ต้องการรู้จักตัวเองไหม เห็นว่าการรู้จักตัวเองจะมีประโยชน์ไหม เพราะเหตุว่าถ้าเรารู้จักตนเอง รับรองว่า เรารู้จักคนอื่นทะลุปรุโปร่งทีเดียว เพราะว่าเหมือนกันหมดทุกคน

    นี่คือประโยชน์ของการฟังพระธรรม สละละความเห็นผิด ละความไม่รู้ ละทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ดี ทีละเล็กทีละน้อยๆ แต่ไม่ใช่ว่าจะละได้หมดทันที แต่ต้องเกิดปัญญา แล้วปัญญาก็ทำกิจของปัญญา


    หมายเลข 8126
    24 ส.ค. 2567