ค่อยๆเห็นความเป็นพุทธะ
ผู้ฟัง คำที่ว่า “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา” ถ้าเป็นความนึกคิดอย่างตื้นๆ ของดิฉัน ก็จะแสดงว่า ก่อนจะศึกษาธรรม ก็บอกตรงๆ ว่า ไม่เชื่อ ไม่แน่ใจว่ามีพระพุทธเจ้าจริงหรือเปล่า แต่เมื่อศึกษาธรรมแล้ว ฟังธรรมของพระพุทธองค์ และปฏิบัติตามที่ท่านอาจารย์สอน ก็เกิดผลขึ้นมากับตัวเองที่เรารู้ ก็ทำให้เชื่อว่า พระพุทธองค์มีจริงค่ะ ไม่ทราบอย่างนี้จะถูกหรือผิดอย่างไรคะ
ท่านอาจารย์ ก็เริ่มเข้าใจความหมายของคำว่า “พุทธะ” ซึ่งก่อนศึกษาเราก็คิดว่า พระพุทธเจ้าเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาอย่างพระพุทธรูป อาจจะคิดเพียงเท่านั้น แล้วพระองค์ก็สอนเรื่องให้เราทำดี ให้เราละชั่ว และเราก็ได้ยินคำว่า “นิพพาน” แล้วเราก็ยังไม่รู้ว่า “นิพพาน” นี่คืออะไร เพราะฉะนั้นเราจะบอกว่า รู้จักพระพุทธเจ้าไม่ได้ จนกว่าเมื่อเราศึกษาพระธรรม เราถึงเข้าใจว่า แม้คำว่า “พุทธะ” คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน คือ ผู้ที่ตรัสรู้ความจริง และความจริงนั้นไม่ใช่ขณะไหนเลย เดี๋ยวนี้ที่มีกำลังมีเป็นของจริง และคนที่สามารถสอนให้เราเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ และให้เราเกิดปัญญาขึ้น และความจริงนั้นเป็นความจริงที่พิสูจน์ได้ทุกกาล ทุกสมัย ทุกขณะ เราก็ต้องรู้ว่า ผู้นั้นต้องไม่ใช่เพียงความรู้ขั้นโลกๆ หรือขั้นครูบาอาจารย์ หรือเพียงศาสดา นักปรัชญา นักจิตวิทยา แต่ต้องเป็นผู้ที่ตรัสรู้จริงๆ จึงจะแสดงได้ว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน มีใครบ้างที่จะบอกเราอย่างนี้ก่อนที่เราจะศึกษา เราเกิดมาแล้วกี่ชาติ ชาติไหนเราจะได้ยินคำว่า “อนัตตา” ธรรมทั้งหลายไม่ใช่ตัวตน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา แล้วทรงแจกแจงแยกละเอียดว่า ธรรมที่ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล เป็นอนัตตานั้น เป็นนามธรรม เป็นรูปธรรม
นี่คือค่อยๆ ให้เราเกิดปัญญาที่จะรู้จักความเป็นพุทธะของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งถ้าไม่ศึกษา ไม่มีทางที่จะรู้เลยจริงๆ ค่ะ
เพราะฉะนั้นเราก็จะเห็นพระพุทธเจ้ารำไร อาจจะนิดๆ หน่อยๆ จนกว่าจะได้รู้แจ้งอริยสัจธรรมเมื่อไร เมื่อนั้นก็มีความมั่นใจตามลำดับขั้น