การอุทิศส่วนกุศลกับการแผ่เมตตาเหมือนกันไหม
ผู้ฟัง การอุทิศส่วนกุศลกับการแผ่เมตตาเหมือนกันไหมคะ
ท่านอาจารย์ เวลาที่เราอุทิศส่วนกุศล ขณะนั้นจิตเป็นกุศลจึงจะอุทิศได้ ถ้าวันนั้นเกิดขี้เกียจ หรือไม่อยากจะอุทิศ ขณะนั้นก็ไม่ใช่กุศล เพราะฉะนั้นให้ทราบว่า กุศลมีหลายอย่าง ทาน การให้ ก็เป็นกุศล เมื่อให้แล้วอุทิศก็เป็นกุศล หรือขณะที่คนอื่นเขาให้ทานแล้วเรายินดีอนุโมทนาด้วย ขณะนั้นก็เป็นกุศล แต่สำหรับเมตตานั้นหมายความว่า ต้องเข้าใจความหมายหรือลักษณะของคำที่เราใช้ด้วย เพราะเหตุว่าเป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ
คำว่า “เมตตา” มาจากคำว่า “มิตต” ภาษาไทยเราใช้คำว่า “มิตร” คือ ความเป็นเพื่อน ตรงกันข้ามกับศัตรู เพราะฉะนั้นเวลาที่เราพูดถึงเมตตา หมายความว่า ขณะนั้นเรามีความเป็นมิตร ความเป็นมิตร คือ มีความหวังดีพร้อมที่จะเกื้อกูลทำประโยชน์ให้กับบุคคลที่เป็นมิตร
เพราะฉะนั้นมิตรจริงๆ จะช่วยเหลือทุกโอกาส จะมีความหวังดี และพร้อมที่จะเกื้อกูล ไม่มีการประทุษร้าย ไม่มีการแข่งดี แม้แต่แข่งดีก็ไม่มี จึงจะชื่อว่า เป็นมิตร ไม่มีการกล่าวร้าย ไม่มีการลำเลิก ทุกๆ อย่างที่ไม่ดีเราจะไม่ทำกับมิตรเลย
เพราะฉะนั้นแทนที่เราจะไปนั่งแผ่เมตตา ก็ควรจะรู้ลักษณะจิตใจของเราว่า เราเป็นมิตรหรือไม่ใช่มิตรกับใคร เวลาที่เราเห็นคนตามท้องถนน หรือในรถประจำทาง หน้าตาแปลกๆ อาจจะรู้สึกกลัว ขณะนั้นไม่ใช่มิตรค่ะ แผ่เมตตาไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่เราไปนั่งในห้องแล้วเราท่อง แล้วเราท่องใหญ่เลย ทั่วโลก ทั่วจักรวาล ที่ไหนๆ หมด ขอให้จงมีความสุขเถิด หรืออะไรอย่างนี้ นั่นเป็นเรื่องคำพูด แต่ไม่เข้าใจสภาพจิตว่า เราเป็นมิตรกับใครได้แค่ไหน เริ่มจากในห้องนี้ก็ได้ มองไปให้ทั่วเลย มีความเป็นมิตรจริงๆ กับทุกคน สนิทใจ พร้อมที่จะช่วยเหลือมากน้อยแค่ไหน นี่คือเมตตา
ยังสงสัยในเรื่องเมตตาไหมคะ ความเป็นมิตรค่ะ แต่ถ้ารู้ว่า ทุกคนเกิดมาก็แสนสั้น อายุก็คงไม่มากเกิน ๑๐๐ หรือ ๒๐๐ ปี แล้วถ้าเราจะโกรธ ก็เท่ากับว่าเราสะสมความโกรธไว้ในใจของเรา ในเมื่อก็จะไม่เห็นกันอีก จะไม่พบกันอีกเลย พบกันชาตินี้ แล้วใครจะรู้ว่า ชาติไหนจะพบกันอีก ถ้าพบกันอีกก็คือ ไม่ใช่คนนี้แล้ว และไม่ใช่คนนั้นแล้ว ก็เหมือนกับที่ชาติก่อนจะเคยพบกันหรือไม่เคยพบกัน จะเคยโกรธกัน หรือจะเคยรักกัน หรือจะเคยชังกันอย่างไร ก็ไม่รู้ทั้งนั้น แล้วทำไมเราจะสะสมความโกรธของเราไว้ติดตามไปในชาติต่อๆ ไป โดยที่ว่า คนนั้นก็ไม่มีอีกแล้ว แล้วเราก็ไม่มีอีกแล้ว เพราะฉะนั้นจะอยู่กันก็ไม่นาน ทำไมไม่เปลี่ยนสภาพของอกุศล หรือความเป็นศัตรู สู่ความเป็นมิตรจริงๆ ซึ่งจะมีผลอย่างมากทีเดียวค่ะ สำหรับตัวเราเอง และคนอื่น และสำหรับทั่วโลก แทนที่จะไปนั่งทำสมาธิ แล้วก็แผ่อะไรก็ไม่ทราบ แต่ว่าขณะใดที่เห็น เราเจริญเมตตาได้