เห็นแล้วคิดทันที


    เพราะเหตุว่าเวลานี้เห็นอะไรก็เป็นคน อาหารต่างๆ สิ่งต่างๆ ไม่มีการระลึกเลยว่า เป็นธรรม เป็นแต่สิ่งที่มีจริงๆ แล้วก็ปรากฏแต่ละทาง โดยที่ไม่มีใครสามารถไปบังคับบัญชาได้

    นี่ไม่เคยอยู่ในความคิดในวันหนึ่งๆ จนกว่าจะฟังพระธรรม แล้วก็มีความเข้าใจจริงๆ แล้วก็ไม่ลืม เป็นปัจจัยให้มีการระลึกแล้วก็เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ ปกติธรรมดาอย่างนี้ ไม่ต้องทำอะไรเลย เริ่มเข้าใจในสิ่งที่ได้ยินได้ฟังว่า ตรงตามที่ได้ยินได้ฟังไหม แม้แต่ทางตาที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ และทรงแสดงว่า เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งซึ่งในบรรดารูปทั้งหมด ๒๘ ประเภท ไม่มีรูปใดที่จะปรากฏ นอกจากรูปนี้รูปเดียว คือ สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นสีสันวัณณะต่างๆ ถ้าเป็นรูปอื่น เช่น เสียง ก็มองไม่เห็น กลิ่นก็มองไม่เห็น รสก็มองไม่เห็น เพราะฉะนั้นรูปอื่นๆ ที่มีทั้งหมด มีจริง แต่ไม่ปรากฏทางตา

    นี่ก็แสดงให้เห็นว่า เราไม่เคยเข้าใจตรงตามที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ว่า นี่เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา เพราะฉะนั้นการอบรมเจริญปัญญาไม่ใช่ไปทำอย่างอื่นเลย ฟังให้เข้าใจในขณะนี้ก็พยายามหรือค่อยๆ ระลึกที่จะรู้ว่า เป็นสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้นจริงๆ และถ้าสามารถประจักษ์ได้ว่า สิ่งที่ปรากฏทางตาในขณะนี้เกิดแล้วดับ นี่ถึงจะคลายการที่เคยติดข้องในสิ่งที่ปรากฏทางตาซึ่งดูเสมือนว่าไม่ดับเลย

    เพราะฉะนั้นก็แสดงให้เห็นว่า การอบรมเจริญปัญญาต้องอีกมากมายสักเท่าไร เริ่มจากการฟังว่า พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้อะไร ทรงแสดงธรรมเรื่องอะไร และการที่จะเข้าใจสิ่งที่ทรงแสดงนั้นก็ต้องเริ่มจากการฟัง และอบรมจนกว่าจะประจักษ์แจ้งจริงๆ ว่า ธรรมเป็นอย่างที่ทรงแสดง

    เวลานี้มีใครคิดว่าเป็นอย่างที่ทรงแสดงบ้างไหมคะ สิ่งที่ปรากฏทางตาก็เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง รับรองแค่นี้ก็ยังดีว่า นี่เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง แล้วค่อยๆ ก้าวไปถึงกับว่า สภาพธรรมที่ปรากฏเป็นสีสันวัณณะ หลับตาแล้วก็ไม่ปรากฏ ฝันจะไม่มีสีต่างๆ เลย รับรองว่า ทุกคนคืนนี้อาจจะฝันถึงบางสิ่งในห้องนี้ แต่ไม่ได้ปรากฏเป็นสีสันอย่างนี้

    นี่แสดงให้เห็นว่า สิ่งที่ปรากฏทางตานั้นเป็นสิ่งที่ปรากฏทางตาจริงๆ แล้วคิด เพราะฉะนั้นทุกคนไม่ใช่เพียงเห็น เห็นจริงค่ะ ชั่วเห็นนิดเดียวแล้วคิด เพราะฉะนั้นความคิดต่อเนื่องสิ่งที่ปรากฏทางตาไว้ ไม่ให้ปรากฏว่า เมื่อกี้ดับแล้ว เพราะฉะนั้นยากสักเท่าไรที่เราจะต้องเริ่มฟังพระธรรม แล้วค่อยเข้าใจให้ถูกต้อง แม้ว่าวันหนึ่งๆ เราจะหลงลืมสติไปมากเหลือเกิน เห็นดอกไม้ก็สวย อาหารก็อร่อย แต่สักชั่วครู่ที่รู้ว่า เป็นสิ่งที่ปรากฏทางตา ก็จะทำให้เราระลึกได้บ่อยๆ แล้วค่อยๆ เข้าใจขึ้น

    เพราะฉะนั้นกว่าการเห็นเป็นคน เป็นสัตว์จะหมดไปก็เหมือนกับการจับด้ามมีด จับไปก็ไม่เห็นสึก จับไปก็ไม่เห็นสึก แต่ว่าจับบ่อยๆ เข้า วันหนึ่งก็ต้องสึก เพราะฉะนั้นทางตาที่กำลังปรากฏเป็นคน เป็นสัตว์ ค่อยๆ รู้ไปว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น บ่อยๆ เข้า วันหนึ่งก็ต้องสามารถรู้ได้ว่า เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะเหตุว่าหลังจากที่เห็นแล้ว คิดเท่านั้นที่ว่าเป็นคน เป็นสัตว์ แต่เฉพาะสิ่งที่ปรากฏทางตาจริงๆ ไม่เป็นอะไรเลย เป็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น


    หมายเลข 8197
    22 ส.ค. 2567