มีจริงเพราะมี ลักษณะ ปรากฎ
คุณศุกล ผมเคยได้ฟังการสนทนาบอกว่า สภาพธรรมที่ปรากฏนั้น จะปรากฏต่อเมื่อเป็นสติปัฏฐาน แต่จริงๆ แล้วถ้าเป็นสภาพธรรมก็ไม่ต้องไปรอให้เป็นสติปัฏฐาน หรือไม่เป็นสติปัฏฐานใช่ไหมครับ หมายความว่าเป็นสิ่งที่ปรากฏก่อนการคิดนึกเป็นเรื่องเป็นราวต่อไป อย่างนั้นใช่ไหมครับ
ท่านอาจารย์ ถ้าใช้คำว่า “สภาพธรรม” หมายความว่าต้องมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งมีภาวะที่เป็นธรรม ภาวะซึ่งเป็นธรรมก็คือไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ใคร แต่เป็นธรรม เป็นธาตุชนิดหนึ่งซึ่งมีจริงๆ
เพราะฉะนั้นถ้าใช้คำว่า “สภาวธรรม” หรือ “สภาพธรรม” ก็หมายความถึงสิ่งที่มีจริง และสิ่งที่มีจริงนั้นก็มีลักษณะปรากฏให้รู้ได้ว่า สิ่งนั้นมี
อย่างถ้าเราพูดถึงเรื่องสิ่งที่ปรากฏทางตา มีสภาวะลักษณะปรากฏให้เห็น นี่คือสิ่งที่มีจริง ไม่ใช่เราพูดถึงสิ่งที่ไม่มี แล้วต้องไปนั่งค้นคว้าหาที่ไหน เพราะฉะนั้นสภาวธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง ถ้าเราเชื่อว่า เราเกิดมาจริงๆ มีตาจริง มีหูจริง มีจมูกจริง มีลิ้นจริง มีกายจริง มีใจจริงๆ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็เป็นธรรมทั้งหมด แม้แต่เสียงก็เป็นธรรม กลิ่นก็เป็นธรรม ชีวิตจริงๆ ทั้งหมดถ้าไม่มีธรรม หรือสภาวธรรมเกิดขึ้นปรากฏแล้ว จะมีไม่ได้เลย
เพราะฉะนั้นทุกอย่างเป็นธรรม แต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรม ธรรมก็ยังคงเป็นธรรม ใครจะรู้หรือไม่รู้ ธรรมจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ จิตเป็นจิต คือ เป็นใหญ่ เป็นประธานในการรู้สิ่งที่กำลังปรากฏ ทางตาคือเห็น ทางหูคือได้ยิน ทางจมูกคือได้กลิ่น ทางลิ้นคือลิ้มรส ทางกายคือกระทบสัมผัส ทางใจคิดนึก นี่คือสิ่งที่มีจริง สภาพของจิตเป็นอย่างนี้ ใครจะรู้หรือไม่รู้ จิตกำลังทำงาน คือเห็นในขณะนี้ จิตกำลังทำงานคือได้ยินในขณะนี้ นี่คือสภาวะ นี่คือธรรม ซึ่งใครจะรู้หรือไม่รู้ สภาพธรรมก็เป็นอย่างนี้
เพราะฉะนั้นไม่ใช่เพราะความไม่รู้ของเรา จึงไปเปลี่ยนแปลงสภาพธรรม ไม่ใช่ สภาพธรรมเป็นสภาพธรรมอยู่เสมอ แล้วแต่ว่าปัญญาจะเกิดขึ้นรู้ความจริงของสภาพธรรมหรือไม่รู้ว่าเป็นธรรม