เพราะความรู้ยังไม่พอ


    คุณศุกล ท่านอาจารย์เคยพูดในการบรรยายเสมอว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป รูปธรรมที่ปรากฏก็ดับ นามธรรม คือ จิตที่รู้ก็ดับ ทำให้ผู้ฟังส่วนมากคิดว่า มันดับจริงๆ หรือเปล่า ก็เลยพยายามสังเกตว่า สภาพธรรมที่เกิดดับ มันเกิดดับอย่างไร แต่ว่าตามความเป็นจริงแล้ว ความรู้ที่ควรเป็นไปตามลำดับ ควรรู้อะไรก่อนถึงจะรู้เรื่องการเกิดดับครับ

    ท่านอาจารย์ เวลานี้ฟังแล้วเข้าใจจริงๆ หรือเปล่าว่า สภาพธรรมเกิดดับ ยังไม่ต้องไปประจักษ์แจ้ง เพียงแต่พิจารณาจริงๆ ว่า ถ้าเราย่อชีวิตจากชาติหนึ่งมาเหลือเพียงขณะจิตเดียว ทีละ ๑ ขณะ นี่ถูกหรือผิด คือ เราคิดถึงชีวิตเราว่ายาวมาก เป็นหลายปี แล้วก็มาเป็นหลายเดือน เป็นหลายวัน เป็นหลายนาที เป็นหลายวินาที ย่อให้สั้นลงกว่านั้นอีก ก็คือว่าชั่วขณะจิตเดียวจริงๆ เพราะเหตุว่าสภาพรู้หรือธาตุรู้ คือ จิตเกิดขึ้นจึงรู้ ถ้าจิตไม่เกิด จะมีการรู้อะไรไหม ถ้าจิตไม่เกิดขึ้นเห็น การเห็นก็ไม่มี ถ้าจิตไม่เกิดขึ้นได้ยิน การได้ยินก็ไม่มี

    เพราะฉะนั้นต้องทราบลักษณะของสภาพธรรมว่า สภาพธรรมที่เราพูดบ่อยๆ ว่า เป็นปรมัตถธรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริง และใครก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงลักษณะของสภาพธรรมได้ สภาพธรรมที่เป็นปรมัตถธรรมมี ๔ อย่าง คือ ๑. จิต ๒. เจตสิก ๓. รูป ๔. นิพพาน แค่ ๔ นี่ค่ะ แต่เราต้องเข้าใจให้ชัดเจน ให้ถูกต้องว่า จิตซึ่งเป็นสภาพรู้เกิดขึ้นทีละ ๑ ขณะ ใช่ไหม สภาพรู้ ลักษณะรู้ของธาตุรู้ อาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้นทีละ ๑ ขณะสำหรับแต่ละคน จะมี ๒ ขณะซ้อนกันไม่ได้เลย จิตแต่ละคนก็คือจิต ๑ ขณะ หรือ ๑ ดวง ๑ ประเภท เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป การดับของจิตขณะก่อนก็เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดขึ้น

    ที่เรานั่งอยู่ที่นี่ ที่เรายังไม่ตาย เพราะจิตขณะก่อนดับ แล้วเป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิด จิตขณะต่อไปนั้นก็ดับ และจิตขณะนั้นก็เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อๆ ไปนั้นเกิด ทีละ ๑ ขณะจริงๆ

    นี่ค่ะ เข้าใจจริงๆ อย่างนี้ไหม ถ้าเข้าใจจริงๆ อย่างนี้ก็ไม่มีข้อสงสัยเรื่องจิตเกิดขึ้นแล้วดับไป

    การฟังธรรมจะไม่พ้นจากเรื่องจิต เจตสิก รูป จะไม่พ้นจากสภาพธรรมในขณะนี้ เราจะฟังมากน้อยอย่างไร ก็คือเรื่องของจริงซึ่งการฟังแต่ละครั้ง ก็ทำให้มีการพิจารณาแยบคายขึ้น ละเอียดขึ้น ค่อยๆ เข้าใจขึ้น แม้ในขั้นฟัง ความเข้าใจก็เพิ่มขึ้น และเมื่อความเข้าใจขั้นฟังเพิ่มขึ้น ก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของสังขารขันธ์ที่จะปรุงแต่งให้สติระดับขั้นต่อไปเกิดขึ้น แต่ต้องอาศัยการฟัง

    เพราะฉะนั้นการที่ใครจะประจักษ์ลักษณะที่เกิดดับของจิต เจตสิก รูปจริงๆ ต้องเพราะปัญญา ถ้าไม่มีปัญญาแล้วไม่มีทาง ฟังนิดเดียวแล้วไปพยายามประจักษ์การเกิดดับของจิต เป็นไปไม่ได้ ต้องขึ้นอยู่กับความเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจว่าเป็นธรรม แล้วก็เข้าใจละเอียดขึ้น จนกระทั่งเห็นจริงๆ ว่า เป็นธรรมแต่ละอย่าง แล้วก็จะไม่มีเราในขั้นของการฟัง แต่จะต้องประจักษ์แจ้งถึงการเกิดดับของจิตในวันหนึ่ง ซึ่งต้องประจักษ์แจ้งได้ เพราะว่าจิตกำลังเกิดดับ แต่ที่ยังไม่ประจักษ์แจ้ง ก็เพราะเหตุว่าความรู้เรื่องจิต เรื่องเจตสิก เรื่องรูป เรื่องสภาพธรรมที่กำลังปรากฏยังไม่พอ ยังน้อยมาก เพราะฉะนั้นก็ฟังต่อไปจนกว่าจะเข้าใจขึ้น


    หมายเลข 8219
    24 ส.ค. 2567