เข้าใจเรื่อง แต่ไม่เข้าใจลักษณะ


    คุณศุกล เมื่อพูดถึงจิต ก็มีคำอธิบายว่า เป็นสภาพรู้ เป็นธาตุรู้ เป็นอาการรู้ แต่โดยลักษณะจริงๆ ของจิต จะมีลักษณะ ๔ ประการ คือ ๑. รู้แจ้งในอารมณ์ ๒. เป็นความวิจิตรของจิต ๓. เป็นลักษณะของความคิดนึก ๔. เป็นการสั่งสมกรรมกิเลส

    เพราะฉะนั้นลักษณะ ๔ ประการนี้ เป็นลักษณะของจิตโดยเฉพาะ เพราะปกติแล้วเราพูดถึงปรมัตถธรรม ขณะที่ฟังท่านอาจารย์พูด รู้สึกว่า ความไม่มีตัวไม่มีตนก็เป็นไปได้ในขณะที่กำลังฟังชื่อเรื่องว่า สิ่งที่เราเคยยึดถือว่าเป็นตัวเรา แท้ที่จริงก็เป็นรูป เป็นจิต เป็นเจตสิกเท่านั้น ก็ไม่น่าที่เราจะต้องมานั่งเสียเวลาอบรมเจริญปัญญามากมายเลย เพียงแต่เวลานี้ความเข้าใจในการฟังก็พอมีอยู่แล้ว ทีนี้การที่จะละ หรือไถ่ถอนความเป็นตัวตน จะต้องอาศัยปัญญาขั้นไหนครับที่จะค่อยๆ หมดไป

    ท่านอาจารย์ เข้าใจลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏถูกต้องตามความเป็นจริง ไม่ใช่เข้าใจชื่อ ไม่ใช่เข้าใจเรื่อง แต่เข้าใจลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏถูกต้อง

    คุณศุกล ขณะนี้ เวลานี้ถ้าจะถามว่า อะไรกำลังปรากฏ ก็คือว่าเอาทางตาก่อนก็ได้ เพราะว่าสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา คือทุกคนกำลังมองเห็นอยู่เลย พอได้ฟังท่านอาจารย์บอกว่า เป็นจิต ไม่ใช่เป็นเรา ก็เข้าใจในขั้นศึกษา ขั้นฟัง แต่ทำไมพอฟังจบ ก็ยังเป็นเราต่ออีก ขณะที่ฟังก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องของจิต

    ท่านอาจารย์ ก็เข้าใจเรื่อง ไม่ได้เข้าใจลักษณะ

    คุณศุกล ทีนี้การที่จะรู้ลักษณะของจิตได้ ต้องอาศัยการปฏิบัติธรรมอย่างไร

    ท่านอาจารย์ ไม่ใช่ปฏิบัติค่ะ เลิกคิดเรื่องปฏิบัติ เลิกจริงๆ ค่ะ เข้าใจลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะที่ฟัง ถ้าเข้าใจ นี่คือปฏิบัติ ไม่ใช่ให้ไปทำอย่างอื่นเลย

    เวลานี้มีสิ่งที่กำลังปรากฏ แล้วก็ฟังแล้ว แล้วก็เข้าใจขั้นฟังด้วย แต่ลักษณะจริงๆ ของธาตุที่กำลังเห็น กำลังรู้สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา เป็นแต่เพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่ง เข้าใจลักษณะนี้ที่กำลังเห็น แล้วเข้าใจสิ่งที่ปรากฏทางตาจริงๆ เป็นสภาพธรรมที่เพียงปรากฏให้เห็น แล้วก็ให้คิดตามสิ่งที่ปรากฏ เข้าใจให้ถูกต้องทีละเล็กทีละน้อย นี่คือปฏิบัติธรรม

    เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดทำสติ หรืออะไรนะคะ เข้าใจขณะใด ขณะนั้นสติเกิดแล้ว


    หมายเลข 8226
    24 ส.ค. 2567