เรื่องกรรม และผลของกรรม


    ผู้ฟัง เรื่องกรรม และผลของกรรม ยกกรณีตัวอย่างอย่างนี้นะครับ สมมติว่าผมถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ ผมก็รับกรรม แต่ผู้ที่มาทำผม เขาเป็นอะไร ลักษณะของสภาพธรรม

    ท่านอาจารย์ จิตของคนที่ทำร้ายคนอื่นเป็นกุศล หรืออกุศล

    ผู้ฟัง เป็นอกุศลครับ

    ท่านอาจารย์ และก็เป็นอกุศลกรรมด้วย เพราะฉะนั้นให้ผล คือ ทำให้ได้เหมือนอย่างคนที่เขาทำร้าย ได้รับผลเหมือนกันกับคนที่เขาทำร้าย

    ผู้ฟัง และที่เขาทำร้ายเราได้รับบาดเจ็บ เราได้รับผลของกรรมใช่ไหมครับ

    ท่านอาจารย์ ถ้าคุณศีลกันต์ไม่ได้ทำมา ไม่มีทางที่เขาจะทำร้ายคุณศีลกันต์ได้

    ผู้ฟัง แล้วทำไมต้องเป็นเขามาทำร้ายเรา

    ท่านอาจารย์ เป็นใครก็ได้ ถึงไม่เป็นเขา หกล้ม ตกเขา อุบัติเหตุอะไรก็ได้หมด เป็นโรคภัยไข้เจ็บก็ได้ ตาบอด หูหนวกได้หมด

    ผู้ฟัง แต่ถ้าเป็นอุบัติเหตุ หรือเจ็บไข้ได้ป่วย ผมพอจะเข้าใจว่า ผมมารับกรรม

    ท่านอาจารย์ เพราะว่าไม่มีคนที่คุณศีลกันต์คิด ใช่ไหมคะ

    ผู้ฟัง ใช่ครับ

    ท่านอาจารย์ แต่เมื่อมีความรู้สึกว่าเป็นคนทำ แต่ความจริง คนก็ไม่มี

    ผู้ฟัง ไม่มี หรือครับ

    ท่านอาจารย์ ไม่มีค่ะ ถ้ามีก็เป็นอัตตา แต่คนก็ไม่มี เป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่เกิดแล้วก็ดับไป สืบต่อไป เพราะฉะนั้นแต่ละคนก็อยู่ในโลกของแต่ละคน คิดถึงโลกที่มืดสนิทตอนเกิด มีคนไหมคะ

    ผู้ฟัง ไม่มีครับ

    ท่านอาจารย์ มีจิตเกิด หรือเปล่า

    ผู้ฟัง มีครับ

    ท่านอาจารย์ เห็นไหมขณะนั้น เห็น หรือเปล่าขณะเกิด

    ผู้ฟัง ไม่เห็น

    ท่านอาจารย์ ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้ลิ้มรส ไม่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ไม่คิดนึก เพราะฉะนั้นจิตขณะแรกเป็นผลของกรรม เกิดได้อย่างไรถ้าไม่มีกรรม เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่ขอยืมกรรมของคนอื่นมาเกิด แล้วแต่กรรมหนึ่งของคนที่ได้ทำกรรมไว้มากมาย ในชีวิตนี้เราก็ทำกรรมมามาก ชาติก่อนๆ อีก ก็พร้อมที่จะทำให้เกิดได้ เมื่อกรรมนั้นยังไม่สิ้นสุดที่จะให้ผล

    เพราะฉะนั้นแม้แต่ขณะแรกก็ไม่มีใครทำให้ แล้วเวลาที่ปฏิสนธิจิตดับ จิตขณะต่อไปเกิด หรือเปล่า เกิด ทำกิจภวังค์ ใครก็บังคับไม่ได้ ใช่ไหมคะ ต้องเป็นภวัคกิจโดยอนันตรปัจจัย สมันตรปัจจัย จนกว่าจะเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส จนกว่าจะมีจักขุปสาท เป็นรูปที่เกิดจากกรรมสำหรับให้เห็น โสตปสาทก็เป็นรูปที่เกิดจากกรรมสำหรับให้ได้ยิน

    เพราะฉะนั้นกรรมทำให้มีตา หู จมูก ลิ้น กาย สำหรับเป็นผลของกรรมเมื่อเห็น เมื่อได้ยิน เมื่อได้กลิ่น เมื่อลิ้มรส เมื่อรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส แต่ใจเราคิดเป็นคนโน้นคนนี้ เป็นเรื่องเป็นราว แต่ความจริงคนไม่มี มีแต่สภาพของกรรม และผลของกรรม ซึ่งเป็นจิต

    ผู้ฟัง จะเกี่ยวพันกับเรื่องการสะสมไหมครับ

    ท่านอาจารย์ สะสม หมายความว่า พอเห็นแล้วบางคนเป็นโลภะ ตามการสะสม บางคนเป็นโทสะ ตามการสะสม จะฉลาด จะโง่ หรือจะทำอะไรก็แล้วแต่ อิจฉา ริษยา หรือจะเคลื่อนไหวเดินเหิน ทั้งหมดเป็นการสะสมของอกุศลจิต และกุศลจิต

    ผู้ฟัง ที่ว่า สร้างเหตุใหม่ ก็เกิดจากการสะสมใช่ไหมครับ

    ท่านอาจารย์ หลังจากที่เห็นแล้ว นั่นแหละค่ะ เหตุใหม่เกิดดับ หลังจากที่ได้ยิน ชอบไม่ชอบ เป็นเหตุใหม่ ไม่ใช่ผลอีกต่อไป เพราะฉะนั้นจะต้องรู้ให้ชัดเจนว่า ผลของกรรม คือ ขณะปฏิสนธิ ภวังค์ จุติ และขณะเห็น ขณะได้ยิน ขณะได้กลิ่น ขณะลิ้มรส ขณะรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย นอกจากนั้นไม่ใช่ผลของกรรม เป็นกรรมใหม่ เหตุใหม่ที่จะสะสมต่อไป

    ผู้ฟัง และกรรมใหม่ที่จะทำต่อไปนั้น เป็นเรื่องของการสะสมมาในอดีตชาติไหมครับ

    ท่านอาจารย์ ถ้าเราไม่มีโลภะสะสมมาในอดีต เราจะเกิดโลภะไหมคะ

    ผู้ฟัง ไม่เกิดครับ

    ท่านอาจารย์ ถ้าเราไม่มีโทสะสะสมมา เราจะเกิดโทสะไหม

    ผู้ฟัง ไม่เกิดครับ

    ท่านอาจารย์ ถ้าเรามีโลภะ โทสะแล้วเราจะไม่ทำกรรมไหมคะ ถ้ามีปัจจัยที่จะทำให้ทำทุจริตกรรม และมีปัจจัยที่จะทำให้กุศลกรรมเกิดไหม ก็เป็นเรื่องของกิเลสวัฏฏ์ กรรมวัฏฏ์ วิปากวัฏฏ์

    ที่กุศลจิตเกิด ดับไปแล้ว ก็สะสมสืบต่อในจิตขณะต่อไป ทำให้มีอุปนิสัยต่างๆ กัน แต่ถ้าเขาไม่ได้ฟังธรรม ไม่มีความเข้าใจเรื่องการขัดเกลา การละกิเลส เขาก็มีความหวังผลของกุศลนั้นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ออกจากวัฏฏะ


    หมายเลข 8240
    24 ส.ค. 2567