ฟังเพื่อรู้ความลึกซึ้งของธรรม


    เพราะฉะนั้นฟังแล้ว ประโยชน์ก็คือว่า ให้เข้าใจความลึกซึ้งของธรรม เท่านั้นเอง แสดงความจริงทุกอย่างว่า ธรรมทุกอย่างที่ปรากฏเหมือนไม่ได้ดับเลย ตั้งแต่เช้า เมื่อไร ทำอะไรมาแล้ว จนกระทั่งกำลังนั่งอยู่ในขณะนี้ ก็เหมือนไม่ได้ดับ แต่ความจริงความถูกต้องก็คือว่า ธรรมเกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วดับ แล้วไม่เหลือเลย แล้วก็ไม่กลับมาอีกด้วย

    นี่คือสัญญา ความจำในขั้นความเข้าใจที่มั่นคง เพื่อจะน้อมนำ ค่อยๆ เป็นสังขารขันธ์ให้เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังเป็นอย่างนี้ ในขณะนี้ แต่ละอย่าง เท่านั้นเอง ไม่ใช่ให้เราไปคิดมาก วิจัย วิจารณ์ วิพากย์ พยายามคิดไปอย่างนั้นอย่างนี้ด้วยตัวเอง แต่ฟังเพื่อรู้ความลึกซึ้งว่า สิ่งที่ทุกคนมองไม่เห็น เหมือนไม่ลึกซึ้งเลย เห็น ทุกคนก็เห็น จะลึกซึ้งอะไร แต่ผู้รู้สามารถจะเห็นความจริงที่ลึกซึ้งของสิ่งที่คนอื่นไม่รู้

    เพราะฉะนั้นเมื่อได้รู้ความจริงอย่างนั้น เห็นโทษมหาศาล มหันตภัยของความไม่รู้ว่า นำมาซึ่งภพชาติไม่จบสิ้นเลย ต้องจากโลกนี้ไปแน่นอน ช้าหรือเร็ว ทรัพย์สมบัติอะไรก็เอาไปไม่ได้ แต่สิ่งที่จะไปได้ก็คือคุณความดี ความเข้าใจถูก ถ้ามีนะคะ แต่ถ้าไม่มี ก็เป็นความมืดเหมือนเดิม ภพหนึ่งชาติหนึ่งเกิดมาก็เพื่อที่จะเห็นบ้าง ได้ยินบ้าง ได้กลิ่นบ้าง สุขบ้าง ทุกข์บ้าง แล้วก็จากไปในความมืด ไม่มีความสว่างของความเห็นถูกต้องใดๆ เลยทั้งสิ้น

    เพราะฉะนั้นถ้าจะเกิดมา มีโอกาสได้ฟัง ได้เข้าใจ เพราะว่าเราไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน สามารถได้ยินเสียง ยังเข้าใจความหมายของเสียง และสะสมมาที่จะเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ เพราะฉะนั้นก็จากไปพร้อมด้วยการสะสมความเห็นถูก ไม่ว่าจะไปสู่ภพไหนชาติไหน ก็ยังมีธรรมที่เป็นปัจจัยที่จะทำให้ศรัทธาเกิด และปัญญาเจริญขึ้นได้ คือ ฟังเพื่อให้เข้าใจ แต่ไม่ใช่ให้เราไปคิดอย่างนั้นอย่างนี้แล้วเลยงง เลยสงสัยเพิ่มขึ้น ให้รู้ความลึกซึ้งของธรรม ไม่ว่าจะพูดถึงธรรมใด ลึกซึ้งทั้งนั้น จากรักตัว จนไม่มีตัว เพราะรู้จริงๆ รักตัวด้วยความไม่รู้ กับรักตัวเพราะเห็นโทษภัยที่สะสมกิเลสมาที่จะยึดมั่นในความเป็นตัว


    หมายเลข 8257
    18 ก.พ. 2567