ภาพลวงตา ๑


    ผู้ฟัง เป็นตัวของเราเองที่จะหลอกตัวของเราเอง เป็นอย่างนี้ใช่ไหมคะ

    ท่านอาจารย์ สิ่งที่กำลังปรากฏ อย่างขณะนี้เป็นภาพลวงตาให้เห็นว่าเป็นคน หนังสือพิมพ์นี้มีรูปนายกรัฐมนตรีในกระดาษดำๆ ขาวๆ นั่นไหมคะ ไม่มี แต่แค่กระดาษดำๆ ขาวๆ ก็เป็นนายกรัฐมนตรีได้ เป็นภูเขาไฟได้ เป็นอะไรๆ ได้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า สิ่งที่ปรากฏเพียงปรากฏให้จิตคิดแล้วแต่จะคิดอะไร อย่างที่เคยกล่าวถึงสภาพธรรมจริง อย่างภวังคจิต มืดมาก เพราะอะไรคะ ไม่มีแสงสว่างใดๆ เลย เสียงไม่มี กลิ่นไม่มี รสไมมี เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ไม่ปรากฏเลยทั้งสิ้น

    ทางมโนทวาร ถ้าไม่ใช่การรับรู้สิ่งที่ปรากฏทางตาต่อจากทางจักขุทวาร ขณะที่กำลังได้ยินเสียง ลองคิดถึงสภาพจิต ตอนนี้เวลาที่คิดถึงธาตุรู้ หรือสภาพรู้ซึ่งไม่มีรูปร่างสัณฐานใดๆ เจือปนเลย ต้องเอารูปออกให้หมด ลองคิดถึงโลกซึ่งเต็มไปด้วยสี เสียง กลิ่น รส เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว เอาสิ่งต่างๆ เหล่านั้นออกหมด เอาสีออก เสียงออก กลิ่นออก รสออก เย็นออก ร้อนออก อ่อนออก แข็งออก ตึงออก ไหวออกหมด เหลืออะไร ไม่มีรูปใดๆ แต่มีธาตุรู้

    เพราะฉะนั้นธาตุรู้ขณะนั้นไม่ได้สว่างไสว ไม่ได้ปรากฏอย่างนี้เลย อย่างเวลานี้ถ้าเราจะคิดถึงแข็ง ก็ยังสว่าง มีแข็งปรากฏเมื่อกระทบ แล้วยังสว่างด้วย ก็เลยกลายเป็นเห็นโต๊ะแข็ง อะไรแข็งไปหมด ใช่ไหมคะ นี่เพราะการเกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็ว แต่ธรรมต้องตรง ต้องจริง ตามลักษณะของสภาพธรรม แล้วค่อยๆ คิดเปรียบเทียบว่า จริงๆ แล้ว จิต เจตสิก ที่ไม่มีรูปสว่าง จะต้องมืด ขณะใดที่ไม่รู้สิ่งที่สว่างจะต้องมืด แล้วขณะที่เป็นภวังคจิต มีจิตเกิดแล้ว แต่สีไม่ปรากฏ เสียงไม่ปรากฏ กลิ่นไม่ปรากฏ รสไม่ปรากฏ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหวไม่ปรากฏ และถ้าไม่มีรูปพิเศษซึ่งกรรมเป็นปัจจัยให้เกิด เช่น จักขุปสาทซึ่งเปราะบางเบา เล็กน้อยแค่ไหน ลองคิดดู ไม่ใช่อ่อน ไม่ใช่แข็ง จักขุปสาทไม่ใช่ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม แต่เป็นรูปซึ่งสามารถกระทบกับสิ่งที่ปรากฏทางตา และรูปนี้ก็มองไม่เห็นด้วย เพราะะรูปเดียวที่จะมองเห็นในบรรดารูปทั้งหมด คือ สี หรือวัณณะ วัณโณ ใช้หลายคำ บางทีก็ใช้คำว่า นิภา ด้วย แต่ให้ทราบว่า รูปนั้นเกิดดับเร็วมาก ลองคิดดูอีก ระหว่างตากับหู ไกลกันมีอากาศธาตุแทรกคั่น แล้วการเกิดดับอายุ ๑๗ ขณะ เร็วยิ่งกว่าระหว่างเห็นกับได้ยิน ซึ่งเหมือนพร้อมกัน

    เพราะฉะนั้นรูปนั้นที่ยังไม่ดับ กระทบกับสิ่งที่สามารถกระทบได้ คือ สีสันวัณณะ แล้วสภาพรู้หรือธาตุรู้จึงเกิดเห็นแล้วก็ดับ วาระของจักขุทวารวิถีสั้นแค่ไหน แต่ทางใจรับต่อหลายวาระ จดจำทุกอย่าง สร้างโลก สร้างรูป สร้างเรื่องขึ้นมา

    เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องของสิ่งที่ปรากฏทางตาว่า เห็นอะไร มีดอกเซ็กซี่อริโคเนีย ก็ต่างกับอริโคเนียธรรมดา ใบต่างกัน เพราะใบเซ็กซี่มคืออ่อนไหว แล้วมีพริ้วๆ แล้วดอกเป็นสีชมพูด้วย สร้างไว้หมดเลย ดอกลั่นทมเหลืองจัด บางชนิดก็มีไส้สีขาวอยู่ตรงกลาง โลกของความคิดนึกถึงสิ่งที่ปรากฏทางตานี่มหาศาล แค่คิดนะคะ พอไม่คิด ก็ไม่มีเลย ที่เคยคิดเมื่อกี้นี้ จะเป็นเซ็กซี่อริโคเนียหรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่มี ไม่มีอะไรทั้งนั้น อะไรก็ไม่มี มีเมื่อคิด มีเมื่อเห็น มีเมื่อได้ยิน มีเมื่อได้กลิ่น มีเมื่อลิ้มรส มีเมื่อปรากฏที่กำลังกระทบสัมผัส นี่คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สั้นแสนสั้น แต่ความไม่รู้ก็ลวงให้เป็นเราที่ยั่งยืน ตั้งแต่เกิดไม่เห็นดับเลย จำไว้หมดเลย ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ไม่รู้ว่า เพราะจิตเกิดขึ้นจึงมีจำ ลองจิตไม่เกิด จำจะมีได้อย่างไร ใช่ไหมคะ


    Tag  ชุมพร  
    หมายเลข 8272
    24 ส.ค. 2567