ทำไมถึงต้องเรียนอภิธรรม ๑


    ผู้ฟัง ขอย้อนกลับมาที่อรรถกถา สติปัฏฐานสูตร ในเรื่องของสัมปชัญญะ ๔ จะมีข้อความพูดถึงว่า

    สัมปชาน กาเล โหติ มีคำอธิบายว่า เป็นผู้ประกอบกิจทุกอย่างด้วยสัมปชัญญะ เป็นปกติ หรือเป็นผู้ทำความรู้สึกตัวนั่นแหละเป็นปกติ เพราะว่าเธอทำความรู้สึกตัวอยู่ทีเดียว ในการก้าวไปข้างหน้าเป็นต้น ไม่ว่าในอิริยาบถไหนๆ ก็ไม่เว้นสัมปชัญญะ

    ข้อความตรงนี้จะมีการพูดถึง “การทำ” ก็ทำให้มีความรู้สึกว่า เราก็ทำได้

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นคนที่ไม่รู้พระอภิธรรมเลย อ่านพระสูตร จะเข้าใจถูกหรือเข้าใจผิด ตรงนี้เป็นจุดที่ทำไมเราเรียนอภิธรรม ทำไมเราถึงต้องรู้ปรมัตถธรรม เพราะเหตุว่าอ่านพระสูตรทั้งหมดเป็นเราทั้งนั้นเลย ให้เจริญกุศล หรือทานที่ให้กับผู้มีความเห็นถูก มีความบริสุทธิ์ มีอานิสงส์มาก ทุกอย่างหมด ถ้าเพียงพระสูตรจะมีเรา จะมีตัวตน ซึ่งเหมือนกับมีการทำได้ แต่ว่าที่จะไม่มีตัวตน ต่อเมื่อรู้ว่า เป็นปรมัตถธรรมเท่านั้น

    เพราะฉะนั้นสติปัฏฐาน เวลาที่สติระลึก ต้องมีลักษณะของปรมัตถธรรมปรากฏให้ศึกษา ให้รู้ถูก ให้เข้าใจถูกว่า ลักษณะนั้นเป็นธรรม ซึ่งไม่ใช่ตัวตน แต่ถ้าเป็นพระสูตร ทั้งหมดเหมือนให้ทำได้ นี่ต้องประกอบกัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่ทรงแสดงพระอภิธรรมไว้ เพียงแต่พระสูตร คนก็สามารถเข้าใจธรรมได้

    แต่คนในยุคนั้นเวลาไปเฝ้าทูลถาม พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า จักขุวิญญาณเที่ยงไหม ผู้นั้นตอบว่า ไม่เที่ยง เขาไม่ไปฟังเรื่องอะไร แต่ว่าสภาพธรรมที่มีจริงขณะนั้น ที่มีขณะเห็น ผู้ที่อบรมเจริญปัญญามาแล้ว เพียงฟังรู้ว่าเป็นธรรม คำว่าเป็นธรรมของเขา ก็แสดงอยู่แล้วว่า ไม่ใช่เขา และไม่ใช่ตัวตน และธรรมกับธาตุก็คืออันเดียวกัน

    เพราะฉะนั้นผู้ที่จะตอบได้อย่างนั้น คือ ผู้ที่สติระลึกลักษณะของปรมัตถธรรม จึงสามารถตอบได้ว่า จักษุไม่เที่ยง โสตไม่เที่ยง หรือความคิดทางมโนทวารทั้งหมด ตรัสถามหมด ผู้นั้นก็ตอบได้ว่าไม่เที่ยง ก็เป็นเรื่องของธรรม ไม่ใช่เรื่องชื่อ

    เพราะฉะนั้นต้องมีธรรมจริงๆ ที่สามารถให้ความจริงได้ ถ้าไม่มีธรรม หรือถ้ายังคิดว่าเป็นเราทำอยู่ตราบใด ขณะนั้นไม่ใช่สัมมาสติ ไม่เข้าใจแม้แต่เพียงคำว่า “สัมมาสติ” เพราะว่าสัมมาสติ ไม่ใช่เราแน่ สัมมาสติเกิดร่วมกับสัมมาทิฏฐิ ซึ่งสัมมาทิฏฐิก็ต้องมีการเข้าใจว่า ไม่ใช่ตัวตน ถ้าเป็นเราทำ ก็เป็นเราไปตลอด ไม่ได้รู้ลักษณะของปรมัตถธรรม


    หมายเลข 8283
    24 ส.ค. 2567