สมมุติบัญญัติปิดบังมาแล้วกี่ชาติ


    ผู้ฟัง พอเรากระทบแข็ง หรือตาเห็นแก้วหรือดอกไม้ ในขณะนั้นทางปัญจทวารแล้วก็ต่อไปทางมโนทวาร แล้วก็เกิดการยึดถือการปรุงว่าเป็นนั่นเป็นนี่ อันนี้เป็นสภาพปกติธรรมดาของการปรุงแต่งของสังขาร ของอุปาทาน ใช่ไหมคะ

    ท่านอาจารย์ ค่ะ เพราะเหตุว่าไม่มีใครเลยที่เห็นแล้วจะไม่รู้ว่า สิ่งที่เห็นเป็นอะไร แต่การเห็นแล้วรู้ว่าเป็นอะไร ของคนที่อบรมเจริญปัญญาไม่สามารถรู้ความต่างของนามธรรม และรูปธรรม ไม่สามารถความต่างว่า สมมติบัญญัติเรื่องราวเกิดทวารไหน ไม่สามารถจะรู้ความต่างว่า ทางตาที่กำลังเห็น เพียงเห็นเท่านั้น ยังไม่เคยที่จะเป็นอย่างนี้เลย เพราะเห็นทีไรก็เป็นคน เป็นดอกไม้ แต่ผู้ที่อบรมเจริญปัญญาแล้วรู้ว่า สติสัมปชัญญะคืออย่างไร ระลึกลักษณะของปรมัตถธรรมอย่างไร จนกระทั่งค่อยๆ เพิ่มความเข้าใจว่า แม้ขณะนี้ก็เป็นเพียงสิ่งที่กำลังปรากฏ มิฉะนั้นทางตาจะไม่มีการอบรมเจริญปัญญา ไม่มีการละคลายเลย และถ้ายังรู้ธรรมไม่ทั่ว ไม่มีทางที่ปัญญาจะถึงวิปัสสนาญาณที่จะคลายความเป็นตัวตน เป็นเรา เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ เป็นเรื่องของปัญญาโดยตลอด

    การศึกษาพระพุทธศาสนาเป็นการศึกษาพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ พระมหากรุณาคุณใน ๓ ปิฎก และเมื่อเข้าใจสภาพธรรม ก็รู้ว่า ไม่มีใครอื่นที่สามารถจะรู้อย่างนี้ เพราะเหตุว่าสมมติบัญญัติเรื่องราวปิดบังมากี่ชาติ ตั้งแต่เกิดจนตาย แต่เพราะมีผู้ที่อบรมเจริญบารมีจนประจักษ์แจ้ง แล้วทรงแสดงด้วยพระมหากรุณาที่จะให้คนฟังมีความเข้าใจ มีปัญญาของตัวเองจริงๆ ที่จะรู้สภาพที่เป็นปรมัตถธรรม เพียงแค่คำนี้ ไม่ต้องไปไกลถึงคำไหน แต่รู้ความหมายจริงๆ ว่า ปรมัตถธรรมไม่ใช่บัญญัติ และเวลาที่สติระลึกก็ต้องระลึกลักษณะของปรมัตถธรรมซึ่งมีจริง เพราะเกิดดับ จึงเป็นทุกขลักษณะของอริยสัจจะ

    ผู้ฟัง ที่ท่านอาจารย์ได้พูดว่า เป็นพระมหากรุณาคุณ เพราะความยากในการอธิบายตรงนี้ให้คนอื่นเข้าใจ ใช่ไหมคะ

    ท่านอาจารย์ ถ้าทิ้งความเข้าใจ ความคิดของตัวเอง และรับฟังสิ่งหนึ่งสิ่งใด แล้วพิจารณาสิ่งที่ได้ฟังว่า ตรงไหนผิด ตรงไหนถูก ก็สามารถจะเข้าใจความจริงได้ แต่ถ้าไม่พิจารณา ฟังไปเฉยๆ ก็ไม่สามารถไถ่ถอนความคิดเดิมๆ ของตัวเองได้


    หมายเลข 8314
    23 ส.ค. 2567