วิปัสสนาญาณที่ ๑ รู้อะไร - ๒


    ผู้ฟัง ที่ท่านอาจารย์อธิบายว่า แยกขาดจากกัน หมายถึงทางมโนทวาร ...

    ท่านอาจารย์ ไม่มีเราที่กำลังรู้เลย โลกไม่มี อะไรไม่มี มีแต่ธาตุรู้ที่กำลังรู้สิ่งที่ปรากฏ นี่คือปัญญาที่สมบูรณ์ที่จะประจักษ์ในความเป็นธาตุรู้ ซึ่งไม่มีเราเลย

    ผู้ฟัง ปรากฏทางมโนทวารทั้งรูปธรรม และนามธรรม แต่ทีละอย่าง

    ท่านอาจารย์ แน่นอนค่ะ พร้อมกันไม่ได้

    ผู้ฟัง ทำไมจึงปรากฏแต่เฉพาะทางมโนทวารในการประจักษ์

    ท่านอาจารย์ เพราะว่ามโนทวารสามารถจะรู้ได้ทั้งรูปธรรม และนามธรรม

    ผู้ฟัง แต่คิดว่า ทางตา ในขณะสีปรากฏ จักขุวิญญาณก็เป็นธาตุรู้ ก็เกิดตรงจักขุปสาท

    ท่านอาจารย์ จักขุวิญญาณเป็นธาตุเห็นสี ปัญจทวาราวัชชนะเป็นมโนธาตุ

    ผู้ฟัง ที่ท่านอาจารย์อธิบายว่า ที่ไม่อาจประจักษ์ทางปัญจทวารได้ เนื่องจากทางปัญจทวารไม่มี ...

    ท่านอาจารย์ มิได้ค่ะ หมายความว่าวิปัสสนาญาณเป็นช่วงขณะที่ปัญญาสมบูรณ์ที่แทงตลอดลักษณะของนามธรรมหรือรูปธรรมใดๆ ที่กำลังปรากฏในขณะนั้น โดยสภาพที่ไม่ใช่ตัวตน ทีละอย่าง

    เพราะฉะนั้นลักษณะของนามธาตุจะปรากฏ ขณะนี้เป็นเราที่กำลังฟังเรื่องนามธาตุ แต่ลักษณะของนามธาตุไม่ได้ปรากฏ แต่เวลานามธาตุปรากฏทางมโนทวาร คนนั้นจะหมดความสงสัยในมโนทวาร เพราะว่าในขณะนี้ทราบโดยการศึกษาว่า เมื่อปัญจทวารดับ ภวังค์คั่น มโนทวารรับต่อ แยกไม่ออก ระหว่างรูปที่ปรากฏทางตากับที่มโนทวารรู้ต่อ หรือทางเสียง ทางกลิ่น ทางรส เย็น ร้อน อ่อน แข็ง โผฏฐัพพะก็เหมือนกัน

    เพราะฉะนั้นทางมโนทวารรู้ทุกอย่าง เพราะว่ารับต่ออย่างเร็วมาก เร็วเกินกว่าที่ใครจะไปแยก ขณะนี้เป็นอย่างไร ฉันใด เวลาที่ปัญญาถึงความสมบูรณ์ก็ฉันนั้น

    เพราะฉะนั้นเวลาที่มโนทวารรู้รูป ขณะนั้นหมายความว่าต้องมีทางปัญจทวารด้วย แล้วก็ต่อทางมโนทวาร แต่เดี๋ยวนี้มโนทวารไม่ได้ปรากฏ เพราะไม่ใช่การประจักษ์แจ้งแทงตลอด แต่เวลาเป็นวิปัสสนาญาณ มโนทวารปรากฏ

    เพราะฉะนั้นขณะนี้มโนทวารถูกปิดบังด้วยปัญจทวาร เพราะว่าเกิดดับสืบต่อเร็วมาก แม้มโนทวารแทรกคั่นอยู่ก็ไม่ปรากฏ แต่เมื่อเป็นวิปัสสนาญาณ มโนทวารปิดบังปัญจทวาร เพราะเกือบจะไม่รู้เลยว่า การที่รูปปรากฏต่อจากทางปัญจทวาร เพราะเร็วมาก

    ผู้ฟัง ฟังดูแล้วเป็นการกลับกัน ทำไมจึงเกิดสภาวะแบบนั้น

    ท่านอาจารย์ ถูกต้องค่ะ กลับกัน เพราะเวลานี้มีโลกเต็มไปด้วยวัตถุต่างๆ ถ้ากลับหมด ไม่มีอะไร นอกจากธาตุรู้ที่กำลังรู้ทีละอย่าง นั่นคือความจริง


    หมายเลข 8321
    23 ส.ค. 2567