พระสูตรพระอภิธรรมต้องไม่ขัดกัน


    พระคุณเจ้า ในพระสูตรบางสูตร เช่น ในสังยุตตนิกาย นิทานวรรค พูดถึงรูปที่เธอเห็นอยู่นี้ อาจจะตั้งอยู่ได้ ๑๐ ปีบ้าง ๒๐ ปีบ้าง จนถึง ๑๐๐ ปี

    ท่านอาจารย์ โดยนัยของพระสูตร ไม่ได้แสดงโดยนัยของพระอภิธรรม

    พระคุณเจ้า ส่วนจิตนั้นเกิดขึ้นสืบต่อกันอย่างรวดเร็ว บางสิ่งบางช่วงก็อาจจะให้พิจารณารูปว่า แม้เมื่อก่อนนี้หญิงคนนี้ก็อายุ ๑๖ ปี

    ท่านอาจารย์ นั่นคือคิดเป็นเรื่อง เป็นบัญญัติ

    พระคุณเจ้า เป็นสิ่งที่สนับสนุนพระอภิธรรมไหม

    ท่านอาจารย์ คือความคิด ต้องรู้ว่าไม่มีใครยับยั้งได้ ในพระพุทธศาสนา คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้แสดงให้บังคับให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดหยุด ม่เกิด หรือไม่มีการบังคับให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิด แต่แสดงสภาพธรรมตามความเป็นจริง ตามเหตุตามปัจจัย ทุกคนคิด เกิดมาคนที่ไม่คิด ไม่มี

    เพราะฉะนั้นเมื่อคิดก็ต้องรู้ตามความเป็นจริงว่า ขณะที่กำลังคิด อะไรเป็นปรมัตถ์ เพื่อที่จะไม่มีเรา ถ้าเป็นเรื่องราวก็เป็นหญิงคนนี้ ก็ยังคงมีหญิงคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นก็เป็นสมมติบัญญัติซึ่งหญิงไม่มี แต่มีปรมัตถธรรม เพราะฉะนั้นขณะที่คิดก็ต้องรู้ด้วย ถ้าจะประจักษ์ความจริง ก็คือแม้เราก็ไม่มี หญิงก็ไม่มี สิ่งใดก็ไม่มี มีแต่ปรมัตถธรรมที่กำลังปรากฏ ซึ่งปัญญาสามารถประจักษ์แจ้งแทงตลอดในสภาพที่เป็นปรมัตถธรรม แม้คิด จะคิดเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ไม่ใช่ต้องหญิงคนนี้ คิดอะไรก็คือคิด ขณะนั้นก็รู้ว่า เป็นสภาพคิด ไม่ใช่เราที่คิด

    พระคุณเจ้า ถ้าว่าไปแล้ว อย่างพระสูตรกับพระอภิธรรมก็ต้องไม่ขัดกัน

    ท่านอาจารย์ ไม่ขัดกันเลย แต่แสดงว่านัยของสมมติสัจจะ ปรมัตถสัจจะ ถ้าปรมัตถสัจจะไม่มีหญิงคนหนึ่ง

    พระคุณเจ้า แต่เมื่อว่าโดยพระสูตรแล้ว ก็เป็นสิ่งที่ควรนำมาใคร่ครวญ

    ท่านอาจารย์ พระสูตรมีประโยชน์มากเจ้าค่ะ แต่ต้องเข้าใจพระอภิธรรม ถ้าไม่เข้าใจพระอภิธรรม หญิงคนหนึ่งก็เที่ยง และเป็นบัญญัติก็ไม่รู้ว่า ขณะนั้นเป็นเพราะคิด จึงมีหญิงคนหนึ่งในความคิด

    พระคุณเจ้า ถ้าหากว่าเราใส่ใจในความเป็นอภิธรรมอย่างเดียว วินัยของ

    ท่านอาจารย์ เป็นไปไม่ได้ค่ะ พระไตรปิฎกทั้ง ๓ มีประโยชน์ แต่ประโยชน์ตรงไหนที่จะรู้ว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้พระวินัย ไม่ได้ตรัสรู้พระสูตร แต่ตรัสรู้พระอภิธรรม เมื่อตรัสรู้พระอภิธรรมแล้ว ทรงแสดงพระสูตร เพราะเหตุว่าถ้าไม่มีปรมัตถธรรม คือ จิต เจตสิก รูป มีพระเจ้าพิมพิสารไหม มีพระนางมัลลิกาไหม มีอนาถบิณฑิกเศรษฐีไหม

    เพราะฉะนั้นคนที่จะเข้าใจธรรมจริงๆ ต้องศึกษาปรมัตถธรรมหรืออภิธรรม จึงจะรู้ว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้เรื่องราว แต่ตรัสรู้สภาพธรรมที่มีจริงๆ ว่า เป็นอนัตตา สภาพธรรมใดเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย สภาพธรรมนั้นดับ

    นี่คือการที่ได้ประจักษ์จริงๆ และได้ทรงแสดงหนทางที่ให้คนได้มีปัญญาของตัวเอง ค่อยๆ อบรมจนกระทั่งประจักษ์ได้จริงๆ ว่า อะไรเป็นสมมติสัจจะ อะไรเป็นปรมัตถสัจจะ อะไรเป็นสิ่งที่มีจริง ที่มีไตรลักษณะ เกิดขึ้นแล้วดับไป


    หมายเลข 8327
    23 ส.ค. 2567