ความเข้าใจเรื่องกรรมมีหลายระดับ


    พระคุณเจ้า ถ้าเราเจริญวิปัสสนาอย่างที่คุณโยมบรรยาย จำเป็นไหมที่จะต้องมีกัมมสกตาเป็นพื้นฐานอยู่ก่อน

    ท่านอาจารย์ การอบรมเจริญปัญญาต้องมีความรู้ความเข้าใจธรรมที่เป็นปรมัตถธรรม แล้วก็รู้ว่า ถ้าสติไม่เกิด ไม่ระลึก ไม่มีการรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังเกิดดับ กำลังปรากฏในขณะนี้ได้ เพราะฉะนั้นขั้นต้นก็ต้องเข้าใจขณะที่หลงลืมสติกับขณะที่มีสติว่าต่างกัน ไม่ใช่ไปรู้อย่างอื่น อย่างอื่นก็คือต้องรู้ว่า ไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรมแต่ละอย่าง คือ เป็นนามธรรม และรูปธรรมแต่ละชนิด

    พระคุณเจ้า จะถามตรงนี้ก่อนว่า จำเป็นไหมว่าต้องมีกัมมสกตาก่อน เพราะถ้าไม่มีกัมมสกตา หลายๆ คนก็อาจจะคิดว่า ไม่รู้จะเจริญไปทำไม เมื่อเข้าใจว่าตายแล้ว ชาติที่ ๒ ที่ ๓ ไม่มี ถ้าหากยังไม่บรรลุ หรือยังไม่หมดกิเลส

    ท่านอาจารย์ ขอประทานโทษนะคะ คือว่าส่วนใหญ่จะมีความเป็นตัวตน กรรมก็คือเราที่ได้รับผลของกรรม ถ้ารู้อย่างนี้ สติปัฏฐานก็ไม่เกิด เพราะว่าเป็นเราที่มีกรรม และเป็นเราที่ได้รับผลของกรรม แต่สติปัฏฐานจะเกิด ต่อเมื่อมีความเข้าใจว่า ขณะนี้เป็นธรรม ซึ่งเป็นนามธรรมหรือรูปธรรม และไม่เคยรู้มาก่อน จึงเป็นเรา กรรมก็ไม่รู้ว่า เป็นนามธรรมหรือรูปธรรม ผลของกรรมก็ไม่รู้ว่า เป็นนามธรรมหรือรูปธรรม

    พระคุณเจ้า อย่างสาวกของพระองค์หลายรูป แม้แต่พระองค์เอง ก่อนจะได้ตรัสรู้ พระองค์ก็เป็นผู้มีกัมมสกตาบริบูรณ์ หมายความว่า พระองค์สามารถระลึกชาติหนหลังได้ และทบทวนชีวิตของพระองค์โดยตลอด

    ท่านอาจารย์ แต่ขณะนั้นในยามที่ ๒ ก็ไม่ได้รู้สภาพธรรมที่เป็นปรมัตถธรรม ที่เป็นวิปัสสนาญาณ

    พระคุณเจ้า แต่เป็นพื้นฐานก่อนไหม

    ท่านอาจารย์ สำหรับพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีบุคคลใดเลิศกว่าพระองค์ เพราะฉะนั้นสมบูรณ์พร้อมทั้งวิชชา และจรณะ ฌานทั้งหมด อิทธิปาฏิหาริย์ทั้งหมด ไม่มีใครจะเทียบเท่าได้ เพราะพระบารมีที่ทรงบำเพ็ญ ๔ อสงไขยแสนกัป ไม่นับตอนที่ตั้งพระทัยไว้ หรือว่าเปล่งวาจา แต่เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์จากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง คือ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า ทีปังกร ทรงพยากรณ์สุเมธดาบสว่า จะเป็นสมณโคดมพระองค์นี้ หลังจากนั้น ๔ อสงไขยแสนกัป ทรงบำเพ็ญพระบารมี

    เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องรู้ว่า การบำเพ็ญพระบารมีของพระองค์ทำให้พระองค์สูงสุด เหนือเทพ เหนือพรหมทั้งหมด แม้แต่การตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในพระชาตินั้น ก็ไม่ได้ฟังจากใคร แต่จากการที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีพร้อมเมื่อไร ก็ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อนั้น

    พระคุณเจ้า อย่างคนที่ยังไม่มีความรู้เรื่องกัมมสกตาปัญญาเพียงพอ คนที่ยังไม่มีกัมมสกตาปัญญา ก็แสดงว่ายังไม่เชื่อการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ท่านอาจารย์ เมื่อกี้นี้เราได้พูดถึงความเข้าใจเรื่องกรรมว่า มีหลายระดับ ความเข้าใจว่ากรรมมี ผลของกรรมมี พูดแค่นี้ คนที่มีเหตุผล ก็รู้ว่า เหตุมี ผลก็ต้องมี เขาก็มีความเข้าใจหรือความเชื่อระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวเขา แต่เขาไม่รู้ว่า แท้ที่จริงตัวเขาไม่มี ถ้าไม่รู้อย่างนี้ สติเขาจะระลึกอะไร เพราะเขาคิดว่ามีตัวเขาอยู่ แต่คนที่เชื่ออย่างนี้เพียงเชื่อ และยังไม่รู้จริงๆ ว่า เห็นเดี๋ยวนี้เป็นผลของกรรม เพราะว่าสติไม่ได้ระลึกเลย

    เพราะฉะนั้นถ้าเขามีความเข้าใจในปรมัตถธรรม แล้วสติระลึก เขาสามารถจะรู้กรรมว่า ทุกอย่างที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กายนั้นไม่มีใครสามารถดลบันดาลได้เลย นอกจากเป็นเรื่องของเหตุปัจจัย คือ กรรม ทำให้วิบากเหล่านี้เกิดขึ้น เขาจะมีความรู้สภาพธรรมที่เป็นกรรม และวิบาก ไม่ใช่เพียงเรื่องราวแล้วจำไว้ว่า กรรมมี และเขามีกรรม และเขามีผลของกรรม


    หมายเลข 8330
    23 ส.ค. 2567