โลภะเป็นทั้งศิษย์ทั้งอาจารย์
ผู้ฟัง เมื่อกี้มีผู้ชายคนหนึ่งถามว่า นั่งสมาธิจนกระทั่งเข้าไปเห็นตับ ไต ไส้ พุง ปอด แม้แต่คิดจะสาวไส้ออกมา แล้วจะพิจารณาอสุภ หรือให้เกิดความเบื่อหน่าย
ท่านอาจารย์ ถ้าถามคนอื่น เป็นปัญญาของใคร พระพุทธเจ้าทรงพระมหากรุณาแสดงธรรมเพื่อให้ผู้ฟังเกิดปัญญาของตัวเอง ประโยชน์สูงสุด ถ้ายังเป็นปัญญาของพระองค์ ก็ไม่ได้เกื้อกูลพุทธบริษัทเลย ถามแล้วก็ตอบไป คนนั้นก็ไม่เข้าใจ เพราะไม่ใช่การไตร่ตรอง การพิจารณาของคนนั้นเอง ถ้ายังถามอยู่ ก็แสดงว่าไม่เข้าใจ ใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นขณะนั้นก็เป็นอกุศล ไม่ใช่กุศล แล้วจะไปทำอะไรเมื่อไม่เข้าใจ ทำแล้วก็ไม่เข้าใจ ทำแล้วก็ไม่เข้าใจ แล้วก็ยังทำ แล้วก็ไม่เข้าใจ ก็ไม่มีประโยชน์
ผู้ฟัง พูดถึงสมาธิ ส่วนมากคิดว่าไปนั่งสมาธิแล้วสงบ เกิดภาพ ได้เห็น
ท่านอาจารย์ ก็เป็นเรื่องคิดเองทั้งหมด คือ ไม่ฟังธรรม อยากจะฟังอะไรทุกอย่าง นอกจากฟังแล้วศึกษาธรรม ขอให้บอกเถอะ จะทำได้ แต่ไม่ศึกษา ไม่เรียน แล้วเป็นปัญญาหรือเปล่า ถ้าไม่ฟัง ไม่ศึกษา ไม่เรียน ก็ไม่มีทางที่ปัญญาจะเกิดเลยนะคะ แล้วทำไมถึงชอบอย่างอื่น แต่ไม่ชอบฟังธรรม ไม่ชอบศึกษาธรรม เพราะโลภะต้องการอะไรก็พาไปอย่างนั้น โลภะเป็นทั้งศิษย์ เป็นทั้งอาจารย์ โดยไม่รู้ตัวเลย แต่ว่าเวลาจะให้ฟังธรรมเพื่อเกิดปัญญาไตร่ตรองของตัวเอง ประเสริฐสูงสุด เพราะว่าทรัพย์สมบัติอะไรก็เอาไปไม่ได้เลย ผู้เป็นที่รักทั้งหลายก็ตามไปไม่ได้ เกิดมาคนเดียว ทุกคนบอกอย่างนี้ มามือเปล่า แล้วเกิดมาคนเดียว กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ เห็นกี่คนคะ ก็เห็นคนเดียว กำลังได้ยิน ได้ยินกันกี่คนที่กำลังได้ยิน ก็ได้ยินคนเดียว
เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้ว อยู่ในโลกคนเดียวด้วยความคิด ต้องไม่ลืมเลยค่ะ ว่าอยู่ในโลกด้วยความคิด เพราะฉะนั้นก็คิดเอาๆ โดยไม่ศึกษา พอได้ยินคำว่า “สมาธิ” ก็คิดว่านี่คือสมาธิ ทำอย่างนี้แล้วก็คือสมาธิ แต่ไม่รู้ว่า สมาธิมี ๒ อย่าง คือ มิจฉาสมาธิก็มี สัมมาสมาธิก็มี
ถ้ารู้ว่ามี ๒ อย่าง เริ่มจะสนใจไหมว่า มิจฉาสมาธิเป็นอย่างไร สัมมาสมาธิเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้ไม่ทำมิจฉาสมาธิ แต่ถ้าได้ยินว่า มี ๒ อย่าง ก็ยังจะทำต่อไป โดยไม่เรียนให้เข้าใจ ไม่ศึกษาให้เข้าใจ ก็จะไม่พ้นจากมิจฉาสมาธิ เพราะว่าถ้าไม่เข้าใจก็คือไม่รู้ ไม่ใช่ปัญญา ก็ต้องเป็นมิจฉา