อวิชชาก็มากโลภะก็ฉลาด


    รอบรู้จริงๆ จึงจะสามารถค่อยๆ เข้าใจลักษณะของสภาพธรรม เมื่อสติสัมปชัญญะรู้เฉพาะลักษณะของธรรมทีละอย่าง และวันนี้ต้องกี่อย่าง ธรรมทั้งนั้น ไม่รู้เลยสักอย่าง แล้วรู้บ้างหรือยังในที่ละหนึ่ง แข็งอย่างนี้ปรากฏตั้งแต่เช้ามา เห็น ก็มีสิ่งที่ปรากฏทางตาก็ตั้งแต่เช้ามา และหลากหลายมาก รวดเร็วมาก และก็ไม่กลับมาอีกเลยสักอย่างเดียว ไม่ต้องไปเป็นห่วง จะไปรู้สิ่งที่ดับไปแล้ว ไม่ต้องคร่ำครวญหาสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่เดี๋ยวนี้มีสิ่งที่กำลังปรากฏ และฟัง

    เพราะฉะนั้นก็เป็นผู้ตรงที่จะรู้จักตัวเองว่า ฟังแล้วกำลังเข้าใจเห็น เฉพาะเห็น วิตก ไม่ได้เกิดพาไปที่อื่น เพราะเหตุว่ากว่าวิตกจะมาที่ลักษณะของสภาพธรรม ก็ต้องอาศัยความเข้าใจ ไม่มีใครไปดึง ไปทำ ไปปฏิบัติ ให้มาอยู่ตรงนี้ตรงนั้น ให้มากำหนดตรงนี้ตรงนั้น ก็ไม่ได้ แต่รู้ตามความเป็นจริงว่า ทั้งหมดเป็นอนัตตา กล้าหาญ หรืออาจหาญ ร่าเริงที่จะเข้าใจว่า เป็นธรรมที่ไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาได้ แต่เกิดเพราะเหตุปัจจัย

    ถ้ามีปัญญา ไม่ต้องห่วงอะไรเลยค่ะ เพราะเป็นเรื่องของปัญญาที่เข้าใจถูก และเข้าใจขึ้นเมื่อมีการฟัง มีการไตร่ตรอง มีความเข้าใจขึ้นอีก ก็เป็นความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ใครก็ยับยั้งไม่ได้ เพราะเหตุว่าไม่ขาดอาหารของปัญญา รู้ตามความเป็นจริงว่าเป็นธรรมมั่นคงขึ้น จึงจะเป็นปัจจัยให้ระลึกแล้วรู้แล้วเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ เพราะขณะนี้มีแข็งก็จริง พอพูดถึงแข็ง ถ้ามีคนบอกให้รู้แข็งได้ ไม่ยากเลย ง่ายเพราะแข็งมีอยู่แล้ว แต่ไม่มีความเข้าใจ และก็ไม่ใช่สติสัมปชัญญะซึ่งเป็นอนัตตา เพราะฉะนั้นไม่ได้ละความต้องการ และไม่ได้ละความไม่รู้

    เพราะฉะนั้นนี่ไม่ใช่หนทาง เพราะฉะนั้นอริยสัจทั้ง ๔ จึงลึกซึ้ง แม้แต่หนทางก็เป็นปกติค่ะ เพราะมีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทั้งหมดเป็นธรรม เกิดดับโดยไม่รู้ เพราะฉะนั้นอวิชชามากมายสักแค่ไหน และอย่างอื่นก็ไม่สามารถละอวิชชาได้เลย ปราบธรรมอะไรสักอย่างด้วยตัวตนไม่ได้ โลภะเกิดมาก ลองละซิ มีแต่โลภะจะพาไป เพราะได้ยินเพียงแต่ชื่อ และขณะนั้นก็เป็นเราที่กำลังมีโลภะ เข้าใจว่าเป็นเรา

    เพราะฉะนั้นการเข้าใจธรรมแม้ขณะนี้ ก็ส่องไปถึงการสะสม ที่สะสมมาแล้วนานว่ามีกิเลสมากน้อยแค่ไหน กิเลสอะไรบ้าง ระดับไหนบ้าง และจะละคลายได้อย่างไรด้วย ถ้าไม่ใช่ปัญญาจริงๆ ก็ไม่ใช่หนทางที่จะทำให้อกุศลทั้งหลายลดน้อยลง เพราะโลภะฉลาด แต่ไม่ใช่เข้าใจถูก เพียงแต่พาไปตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดเดียวว่า ทั้งหมดเป็นไปตามโลภะทั้งนั้น ถ้าปัญญาไม่เกิด ถ้าต้องการเมื่อไร ฉลาดไหม รู้จักโลภะไหม อยู่ที่ไหน มาหรือยัง ไม่เห็นเลย เพราะกำลังต้องการ แล้วทำอะไรคะ พาไปเลย ใช่ไหมคะ เก่งไหม?

    เพราะฉะนั้นก็สะสมปัญญา และความดีทุกอย่างด้วย เพื่อจะให้มีกำลัง เพราะว่าปัญญาไม่ทำให้เกิดอกุศล เพราะฉะนั้นเวลาที่อกุศลเกิด ปัญญาน้อยมาก


    หมายเลข 8338
    18 ก.พ. 2567