กุศลเท่านั้นที่เป็นที่พึ่ง
ผู้ฟัง ทั้งกุศล และอกุศลก็ไม่ใช่เรา แต่ที่ท่านอาจารย์พูดว่า ยามที่กุศลเกิด ก็มีตัวเราว่าอยากทำกุศล เคยถามท่านอาจารย์มาครั้งหนึ่ง แล้วว่า อกุศลไม่ใช่เราแน่ แต่ยังเอากุศลเป็นของเราอยู่
ท่านอาจารย์ ทำไมเป็นอกุศล แล้วไม่ใช่เรา แล้วกุศลเป็นเรา
ผู้ฟัง รู้สึกว่า อกุศลเป็นสิ่งที่ไม่ดี ก็ต้องไม่ใช่เราในขณะนั้น
ท่านอาจารย์ แล้วเป็นของใคร
ผู้ฟัง เป็นของคนอื่น
ท่านอาจารย์ ธรรมต้องตรง และต้องตอบได้ มีข้อความนี้ว่า “อกุศลไม่ใช่ของเรา แต่กุศลเป็นของเรา” แต่ต้องรู้ความหมาย อกุศลไม่ใช่ของเรา เพราะเหตุว่าเวลาที่อกุศลเกิด ผลก็คือทำให้ทุกอย่างวิบัติไป หมดสิ้นไป สิ่งที่เคยเป็นของเรา เวลาเป็นผลของอกุศลจะไม่ใช่ของเรา หมดสิ้นไปโดยประการทั้งปวง รูปร่างกายก็หมดไป แขนขาก็หมดไป ทรัพย์สมบัติก็หมดไป แต่กุศลเป็นของเรา เพราะเหตุว่านำมาซึ่งที่เห็นว่าเป็นของเรา แต่ความจริงโดยปรมัตถธรรม ทั้งหมดไม่ใช่เรา
เพราะฉะนั้นการศึกษา การฟังธรรม ต้องเข้าใจตามลำดับขั้นด้วย ไม่ใช่เจอพยัญชนะนี้จะว่าอย่างไร เช่น “ตนเป็นที่พึ่งของตน” ไม่มีตน แล้วตนจะเป็นที่พึ่งของตนได้อย่างไร ก็ไม่ต้องศึกษากัน แล้ว ถ้าแบบนี้ คือ ไม่เข้าใจความหมายโดยนัยของเทศนา ความลึก ความต่างของธรรมที่ทรงแสดง ถ้าทรงแสดงไว้ แล้วว่า เป็นธรรม ไม่ใช่เรา ไม่ว่าจะกล่าวโดยนัยใดๆ ก็ต้องทิ้งคำแรกไม่ได้ คือ เป็นธรรม ไม่ใช่เรา
เพราะฉะนั้นธรรมที่เป็นที่พึ่ง ตนที่เป็นที่พึ่ง ก็คือธรรมที่เป็นฝ่ายกุศล ที่เป็นปัญญาจึงจะพึ่งได้ จะไปพึ่งอกุศลไม่ได้เลย
เพราะฉะนั้นก็ต้องฟัง และเข้าใจให้สอดคล้อง อยู่ที่ความเข้าใจ คุณศีลกัลไม่ต้องคิดเรื่องอะไรหมด ไม่ต้องคิดเรื่องเจริญ ไม่ต้องคิดเรื่องทำอะไร เข้าใจตัวเดียว เข้าใจนั่นแหละค่ะเป็นปัญญาที่จะนำไปสู่ความเข้าใจขึ้นๆ ๆ แล้วจะต้องการอะไรยิ่งกว่านี้ ที่ศึกษาธรรมก็เพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่มี