สติปัฏฐานจะเกิดได้ต้องมีความเข้าใจสภาพธรรม
พระคุณเจ้า เริ่มต้นตั้งแต่คุณโยมแสดงมา ก่อนจะเข้าใจเรื่องสติปัฏฐาน ก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความคิดใคร่ครวญในเรื่องนั้นหลังจากฟังมาแล้วพอสมควรทีเดียว
ท่านอาจารย์ ฟังไม่ใช่การได้ยินเจ้าค่ะ ต้องพิจารณาไตร่ตรองจนกระทั่งเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องของตัวเอง
พระคุณเจ้า หลังจากฟังเข้าใจแล้ว จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีลำดับของการอบรม อบรมอธิศีล อบรมอธิจิตภาวนา แล้วอธิปัญญาโดยลำดับ
ท่านอาจารย์ คือการฟังที่ยังไม่เข้าใจ ถ้าเป็นการเข้าใจขึ้นๆ ก็จะรู้ว่า ต้องเป็นอย่างไรเจ้าค่ะ
พระคุณเจ้า อบรมเป็นลำดับอย่างไร
ท่านอาจารย์ ต้องฟังจนกระทั่งมีความเข้าใจในสภาพธรรม จนกระทั่งสามารถเป็นปัจจัยให้สติปัฏฐานเกิดระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมขณะนี้ ซึ่งไม่มีใครบังคับให้สติเกิด ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา นี่ลืมไม่ได้เลย ถ้าไม่มีโสตปสาท หรือถ้ามีโสตปสาท แต่เสียงไม่กระทบ จิตได้ยินก็เกิดไม่ได้
เพราะฉะนั้นแม้ว่าขณะนี้จะเป็นธรรมทั้งหมด ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เป็นธรรมหมดตั้งแต่เกิดจนตาย แต่ถ้าความรู้ความเข้าใจไม่พอ ก็หลงลืมสติต่อไปจนกว่าจะฟังอีก เข้าใจอีกๆ ๆ จนเมื่อไรที่สติปัฏฐานเกิดพร้อมกับสัมมาทิฏฐิ เพราะเหตุว่าสติปัฏฐานเป็นมรรคมีองค์ ๘ ซึ่งปกติมีองค์ ๕ ซึ่งจะต้องเกิดพร้อมกับสัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ สัมมาสังกัปปะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ๕ องค์ ก็จะรู้ว่า ขณะนั้นไม่ใช่เราที่ไปตั้งใจให้สติเกิด แต่เมื่อมีปัจจัย สติก็ระลึกซึ่งสติจะระลึกอะไรก็แล้วแต่ ก็เป็นสติปัฏฐานทั้งนั้น สิ่งที่มีจริงๆ เป็นสติปัฏฐานทั้งหมด และสิ่งที่มีจริงมีทางที่จะปรากฏได้ ๖ ทาง แต่ต้องมีสภาพภาวะลักษณะ คือ การเกิดดับ จึงจะเป็นสิ่งที่มีจริง ถ้าเป็นเรื่องราวบัญญัติ ไม่ใช่สิ่งที่มีจริง
เพราะฉะนั้นต้องสามารถรู้ความต่างของปรมัตถธรรมกับบัญญัติ ถ้าไม่มีความต่างก็ปะปน แล้วก็เป็นแต่เพียงความคิดนึกเจ้าค่ะ