ทุกครั้งที่ฟังเป็นการเตือน
ผู้ฟัง อยากให้อาจารย์อธิบายลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ หมายความว่าอะไรครับ
ท่านอาจารย์ คือลักษณะใหญ่ๆ ลักษณะหนึ่งเป็นสภาพรู้ และอีกลักษณะไม่รู้อะไรเลยทั้งสิ้น ๒ อย่างนี้ที่ต่างกัน ไม่ว่าเราจะอยู่ในโลกไหน ขณะไหน เมื่อไร ก็มีธรรมเพียง ๒ อย่าง แต่ ๒ อย่างนี่เราไม่ได้รู้จริงๆ เลย เราเพียงแต่จำ เวลาได้ยินเขาบอก เราก็จำ มีนามธรรม มีรูปธรรม และนามธรรมก็สามารถจะเห็น สามารถจะได้ยิน แต่ไม่มีรูปร่างลักษณะเลย ส่วนรูปมีลักษณะเฉพาะ และมีรูปเพียง ๗ รูปที่สามารถจะรู้ได้ตั้งแต่เกิดจนตาย ๗ รูปเท่านั้นที่สามารถรู้ได้ในชีวิตประจำวันจริงๆ
เพราะฉะนั้น ๗ รูปนี้ชื่อว่า “โคจรรูป” หรือ “วิสยรูป” รูปทั้งหมดมี ๒๘ รูป แต่ที่ปรากฏทุกวันๆ ก็ ๗ รูป ใช่ไหมคะ ๗ รูป อะไรบ้าง ลองนับดูซิคะ
ผู้ฟัง ทางตามีรูปหนึ่ง ทางหู เสียง ทางจมูกอีกรูปหนึ่ง ทางลิ้น รส ทางกาย มี ๓ รูป รวมเป็น ๗ รูป
ท่านอาจารย์ กี่ภพกี่ชาติตลอดชีวิต มี ๗ รูป
ขอฟังความเห็นของคนอื่นด้วยนะคะ ๗ รูปเป็นสิ่งที่ปรากฏ แต่ไม่รู้ใช่ไหมคะ รู้แต่ชื่อ ๗ รูป
ผู้ฟัง รู้โดยชื่อ หรือว่ารู้โดยจำว่า ถ้าเห็นก็เป็นรูปที่เห็นได้ เจริญสติปัฏฐานก็หมายความว่า รู้โดยตรง ใช่ไหมครับ
ท่านอาจารย์ รู้ลักษณะของสภาพธรรม เวลานี้รูปก็กำลังปรากฏ ทางตาก็เห็น ทางหูก็มีเสียงปรากฏ ถ้าทั้งๆ ที่เรากำลังฟังเดี๋ยวนี้ สติปัฏฐานก็ไม่เกิด เพราะว่าเราบังคับสติไม่ได้ แต่เราต้องเข้าใจก่อนว่า เวลาที่เป็นสติปัฏฐาน หมายความว่าเราเคยรู้เรื่อง เคยเข้าใจเรื่องรูป ๗ รูปนี้ และเรื่องนามธรรมซึ่งกำลังเห็น กำลังได้ยิน ไม่ใช่สี ไม่ใช่เสียง กำลังได้กลิ่น กำลังลิ้มรส กำลังรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส หรือนามธรรมก็จำ นามธรรมก็คิด หรือนามธรรมก็เป็นสุข เป็นทุกข์ พวกนี้เป็นนามธรรมทั้งหมดมีจริงๆ ทุกวัน แต่เราก็จำชื่อ แล้วก็จำเรื่อง ตราบใดที่ไม่มีการระลึกลักษณะที่มีในขณะนั้น เป็นสติที่ระลึก และปัญญาค่อยๆ เริ่มเกิด
นี่คือการศึกษาอีกแบบหนึ่ง ซึ่งถ้าเราศึกษาเพียงชื่อกับเรื่อง อันนั้นเราจะไม่รู้จักตัวธรรมเลยตลอดชีวิต เราก็จำไปตลอดชีวิตว่า เป็นจิต เป็นเจตสิก เป็นรูป ตลอดชีวิตจะมีแต่ความจำเรื่องราว แต่ตัวธรรมจริงๆ เราจะไม่รู้จักเลย ถ้าสติปัฏฐานไม่เกิด ไม่ระลึก
เพราะฉะนั้นเราต้องเข้าใจว่า จริงๆ แล้วที่เราศึกษาธรรม ก็เพื่อรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ แต่ถ้าเราไม่ฟังก่อน ไม่มีทางที่สติจะเกิดระลึก เพราะว่าเราต้องมีความเข้าใจจริงๆ เมื่อมีความเข้าใจจริงๆ รู้ว่า สิ่งที่ประเสริฐที่สุดใน ๑ ชาติ ก็คือขณะที่เราเริ่มจะรู้จักลักษณะของสภาพธรรมโดยสติระลึก ถ้าเราเข้าใจอย่างนี้ก็เป็นปัจจัยให้แม้ขณะนี้เอง ขณะเห็น สติก็ระลึกได้ ขณะได้ยิน สติก็ระลึกได้ ขณะได้กลิ่น ขณะลิ้มรส ทุกขณะ สติก็ระลึกได้
แต่ถ้าเราบอกว่า สติไม่เกิดไม่ระลึก ก็แสดงว่าไม่มีปัจจัยพอที่จะทำให้สติปัฏฐานเกิด แต่ไม่ใช่เราไปแสวงหาว่า แล้วเราจะทำอย่างไร อย่างนั้นไม่ใช่ ไม่มีทางทำค่ะ แต่ว่าเราเรียนมาแล้วทั้งหมด ก็คือว่า เราจะต้องเข้าใจถูกจริงๆ เป็นสัจญาณ เพราะว่าถ้าสัจญาณไม่มี กิจญาณ กตญาณก็มีไม่ได้
เพราะฉะนั้นมีเรื่องเดียว หน้าที่เดียวค่ะ คือ ฟังสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ กำลังฟังเรื่องเห็น เรื่องได้ยิน เรื่องนามธรรม เรื่องรูปธรรม เพื่อที่สติปัฏฐานจะได้ระลึกได้ ถ้าเราไม่ฟัง ก็ไม่มีทาง เหมือนการเตือน ขณะที่ฟังครั้งหนึ่งก็เท่ากับเตือนให้เรารู้ครั้งหนึ่งว่า เรามีปัญญารู้สภาพเห็นแค่ไหน หรือยังไม่มีเลย ถ้ายังไม่มี เราก็รู้ว่า เราจำชื่อ จำเรื่อง แล้วก็เข้าใจเรื่องราว