เอาเงินไปให้งู งูคิดอย่างไร


    ธรรมเกิดขึ้น ไม่เป็นของใคร ถูกต้องไหมคะ มีใครเป็นเจ้าของหรือเปล่า จนกระทั่งมีคนถามว่า ถ้าอย่างนั้นมีเงิน ก็ให้คนอื่นเขาไปซิ เพราะว่าไม่มีอะไรที่เป็นของเราเลย ทุกอย่างเป็นธรรม แต่คิดให้ดี เอาเงินไปให้งู งูคิดว่ามีเงินหรือเปล่า เห็นไหมคะ ก็เงินนั่นแหละ แต่ให้คน คนคิดว่า มีเงิน ได้เงิน แต่ว่าเอาเงินไปให้งู งูจะคิดไหมว่า กำลังมีเงิน ก็เป็นไปไม่ได้

    เพราะฉะนั้นธรรมต้องละเอียด เห็นเกิดขึ้น ๑ ขณะ มีเงินไหมคะ ได้ยินเกิดขึ้น ๑ ขณะ กำลังได้ยิน มีเสียงเป็นอารมณ์ มีเงินหรือเปล่าขณะนั้น มีทรัพย์สมบัติ มีอะไรหรือเปล่า ก็ไม่มี

    เพราะฉะนั้นธรรมจึงเป็นเรื่องที่เมื่อไรเข้าใจจริงๆ ไม่ใช่เผินๆ และก็คิดว่า เข้าใจแล้ว แต่ต้องเข้าใจถึงความเป็นธรรมที่ตรัสไว้ว่า เป็นความจริง จิตเห็นมีแน่นอน จิตเห็นเกิดขึ้นเห็น แล้วก็ดับไป แล้วจิตเกิดต่อไป ก็มีวิตกเจตสิก ไม่เห็น แต่รับสิ่งที่จิตเห็น เห็น รู้อารมณ์เดียวกัน โดยมีเจตสิกอื่นเกิดร่วมด้วย เพราะเหตุว่าทำหน้าที่ต่างกัน จนกระทั่งมาถึงจิตที่คิดนึก ตอนนี้มีทุกอย่าง มีรูป มีเสียง มีกลิ่น มีทุกอย่าง ครบหมดเลย แต่ถ้าจิตคิดนึกไม่มี จะมีไหมคะ เงิน หรือว่าทรัพย์สมบัติต่างๆ

    งูก็คิด ถูกไหมคะ แต่งูไม่เคยคิดเรื่องเงิน งูก็เห็นเงิน และก็รู้ด้วย รูปร่างสัณฐาน แต่ไม่รู้ว่าเป็นเงิน และไม่คิดว่ามีเงิน เพราะฉะนั้นที่ว่ามีเงิน เพราะคิด แล้วจิตประเภทไหนด้วยที่คิด

    เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องของธรรมที่หลากหลายมาก จนกว่าจะตรงว่า ธรรมเป็นธรรมแต่ละหนึ่ง ซึ่งมีปัจจัยเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป แล้วก็ไม่ใช่ของใคร ถ้าคิดอย่างนี้ พอที่จะฟังแล้วเชื่อขึ้นมาอีกหน่อยใช่ไหมว่า ธรรมไม่ใช่ของใครเลย กำลังหลับสนิท เงินทองมหาศาล บ้านช่องก็ไม่มี อะไรก็ไม่มีสักอย่าง รูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ อะไรก็ไม่มีหมดเลย ในขณะนั้น เพราะว่าเป็นธรรมซึ่งเกิดขึ้น ไม่ใช่เห็น ไม่ใช่ได้ยิน ไม่ใช่คิดนึก แต่ดำรงภพชาติความที่ต้องเป็น และจะต้องเป็นไปตามการสะสมด้วย เมื่อมีปฏิสนธิเกิดแล้ว ต้องเป็นไป ปวัตติ ความเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ที่ และคนสะสมมา

    นี่ก็คือเมื่อไรเข้าใจว่า ธรรมเป็นธรรม เมื่อนั้นก็จะค่อยๆ สละ ละคืน คลายการติดข้องในสิ่งที่เคยติดข้อง เพราะรู้ความจริง แล้วอย่างนี้จะให้เงินคนอื่นไปให้หมดได้ไหมคะ


    หมายเลข 8383
    18 ก.พ. 2567