เกิดเมื่อไหร่ก็เห็นเมื่อนั้น


    ผู้ฟัง อยากจะถามเรื่องลักษณะของทิฏฐิ กับลักษณะของความคิด ความคิดเรื่องธรรม ซึ่งเป็นเรื่องความคิดผิดเรื่องธรรมกับมิจฉาทิฏฐิ ลักษณะต่างกันอย่างไร

    ท่านอาจารย์ ถ้าคิดเรื่องธรรม ก็หมายความว่า คิดด้วยความเข้าใจ หรือคิดด้วยความไม่เข้าใจ หรือว่าคิดด้วยความเห็นผิด ยังไงๆ ก็ต้องมีความคิด มีวิตกเจตสิก และขณะที่คิดเรื่องธรรม มีความเข้าใจที่ถูกต้อง หรือมีความเห็นผิด ถ้าความเข้าใจที่ถูกต้องก็เป็นปัญญา เป็นโสภณ ถ้าเป็นความเข้าใจผิด ก็เป็นทิฏฐิเจตสิก คือ ความเห็นผิด ความเข้าใจผิด เราต้องทราบว่า ถ้าเราศึกษาปรมัตถธรรม ไม่มีตัวเรา ขั้นเข้าใจก็ต้องเข้าใจจริงๆ ว่า ไม่มี แม้ว่าสติปัฏฐานยังไม่เกิด แต่ความเข้าใจต้องมั่นคงว่า ขณะนี้ไม่มีอะไร นอกจากจิต เจตสิก รูป ถ้าขณะใดที่คิด จะคิดด้วยกุศลจิตหรืออกุศลจิตในเรื่องอะไร หรือในเรื่องของธรรม ก็ต้องมีความเห็นถูกที่เป็นปัญญา และความเห็นผิดที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ

    ผู้ฟัง ความคิดมีหลายระดับ ความคิดเห็นเป็นสิ่งที่สะสมไว้ อาจจะต่างกันใช่ไหมครับ

    ท่านอาจารย์ ขณะนี้ผู้ที่ไม่ใช่พระโสดาบันบุคคล ยังไม่หมดความเห็นผิด ยังต้องมีเชื้อ มีอนุสัย ทิฏฐานุสัย ที่จะทำให้เกิดความเห็นผิด แต่ถ้าขณะใดที่ไม่มีความเห็นผิดเกิดขึ้น ขณะนั้นเราจะไม่รู้เลยว่า เราสะสมความเห็นผิดในเรื่องอะไรบ้าง จนกว่าเมื่อไรที่ความเห็นผิดเกิดปรากฏ เมื่อนั้นจะรู้ว่า ขณะนั้นต้องมีความเห็นผิดเรื่องนั้นที่ยังไม่ได้ดับ ทำให้เกิดความคิดผิดในขณะนั้นขึ้น

    ผู้ฟัง สมมติว่าฟังธรรมที่อาจารย์พูด แล้วก็เข้าใจผิด หมายความว่า ขณะนั้นคิดผิด ใช่ไหมครับ ก็ไม่เหมือนกับทิฏฐิ

    ท่านอาจารย์ ก่อนอื่นต้องทราบว่า จิตขณะนั้นเป็นกุศลหรืออกุศล

    ผู้ฟัง เข้าใจผิดก็เป็นอกุศลแน่

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นขณะที่เข้าใจผิด ขณะนั้นเป็นเรื่องอะไรที่เข้าใจผิด

    ผู้ฟัง เรื่องธรรม

    ท่านอาจารย์ ก็ต้องเป็นมิจฉาทิฏฐิ มิจฉา แปลว่า ผิด ทิฏฐิ ก็ความเห็น เพราะฉะนั้นความเห็นผิด

    ผู้ฟัง แล้วความเห็นผิดที่เราสะสมไว้ ลักษณะเป็นอย่างไร

    ท่านอาจารย์ ถ้าไม่เกิด ก็ไม่รู้ว่า เห็นผิดอะไร ต้องเกิดขณะไหนก็รู้ว่าเป็นความเห็นผิดขณะนั้น อย่างไร เรารู้ไม่ได้เลยว่า ความเห็นผิดจะเกิดเมื่อไร วันไหน เพราะฉะนั้นก็จะมีปัจจัยให้เกิดความเห็นผิดอย่างนั้นเกิดขึ้น เราถึงจะรู้ว่า ขณะนั้นเป็นความเห็นผิดอย่างนั้น และความเห็นผิดอย่างอื่นก็ยังมี แต่ถ้าไม่เกิดขึ้น เราก็ไม่สามารถจะรู้ได้ว่า เรายังมีความเห็นผิดอย่างนั้นอยู่ จนกว่าจะเกิดเมื่อไร ก็เห็นเมื่อนั้น


    หมายเลข 8390
    23 ส.ค. 2567