ไม่อยากเห็นก็ต้องเห็น
ผู้ฟัง อย่างนี้ความหมายคืออรูปพรหมก็เดือดร้อนเหมือนกัน เพราะไม่มีรูป แต่ก็มีนามธรรม
ท่านอาจารย์ ถ้าเขามีปัญญา เขาก็รู้ว่า จิตเกิดดับ
ผู้ฟัง แต่ความหมายของอาจารย์ เดือดร้อนตรงนี้คืออะไร เพราะไม่เห็นเขาเดือดร้อนเลย เขาอยู่ข้างบนสบาย
ท่านอาจารย์ จิตเกิดหรือเปล่าคะ
ผู้ฟัง เกิดค่ะ
ท่านอาจารย์ ไม่รู้ได้ไหมคะ เวลาจิตเกิดแล้วไม่รู้อะไรได้ไหม
ผู้ฟัง ได้ค่ะ
ท่านอาจารย์ ได้หรือคะ จิตเป็นสภาพรู้ ต้องรู้ และดีไหมคะที่เกิดขึ้นต้องรู้ อย่างเรานี่ต้องเห็น แต่เราลืม เราอยากเห็น แต่ความจริงเราต้องเห็น ขณะที่ได้ยินเสียงเพราะๆ เราก็ลืมอีกว่า แท้ที่จริงแล้วต้องได้ยิน ไม่มีใครยับยั้งไม่ให้ได้ยินเกิด ต้องได้ยิน เราจะต้องศึกษาเรื่องนามธาตุ จนกระทั่งเข้าใจความเป็นอนัตตา ลักษณะที่เกิดดับสืบต่อ มีปัจจัยต่างๆ และไม่มีใครสามารถยับยั้งได้ เมื่อมีปัจจัยก็เกิดแล้วก็ดับ เกิดแล้วก็ดับ เกิดแล้วก็ดับ อย่างนี้แหละ และก็ออกไปจากนี้ไม่ได้ด้วย จะต้องตายแล้วจะต้องเกิดอีก แล้วก็ตายอีกแล้วก็เกิดอีก แล้วก็เห็นอีก ได้ยินอีก คิดนึกอีก
เวลาตายไม่มีอะไรที่เป็นของเราเลย ที่เคยเป็นก็ไม่เป็นอีกต่อไป ที่เคยเข้าใจว่าเป็นของเรา ก็จำไม่ได้หมดเลย ชาติก่อนเราจะเคยนั่งที่นี่ได้ไหมคะ แต่ไม่ใช่อย่างนี้ใช่ไหมคะ ไม่ใช่โรงแรมอย่างนี้ใช่ไหมคะ หรือ ๒,๕๐๐ กว่าปี ที่ตรงนี้เป็นอะไร แล้วเราจะเคยอยู่ตรงนี้ไหม เราก็ไม่เคยรู้ จำไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม่มีวันสิ้นสุดการเกิดดับสืบต่อแต่ละภพแต่ละชาติ แต่ไม่มีอะไรเป็นของใครจริงๆ สักอย่างเดียว เพียงแต่เกิดเห็นแล้วก็ติดข้อง แล้วก็หมดไป ได้ยินแล้วก็ติดข้อง แล้วก็หมดไป ทั้งวันเป็นเรื่องของความติดข้องในสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไปเลย ไม่เหลือเลยค่ะ รูปทุกรูปเกิดแล้วดับ มีอายุเพียงแค่ ๑๗ ขณะจิต ถ้าเป็นรูปที่เป็นสภาวะรูป แต่เมื่อไม่รู้ ก็คือติดอย่างนี้ไปเรื่อยๆ