เหมือนการสึกของด้ามมีด


    ผู้ฟัง เมื่อกี้นี้ท่านอาจารย์ยกตัวอย่างว่า ถ้าโทสะเกิด ถ้ารู้ว่าเราเป็นโทสะ หรือขณะนั้นสติระลึกรู้ว่า นั่นคือสภาพธรรม แต่เป็นเพียงขั้นต้น อันนี้แทบจะไม่รู้สึกเลยว่าเป็นปัญญา จะหมายความว่าอย่างไรคะ

    ท่านอาจารย์ ที่ว่าเป็นปัญญา ต้องเป็นความรู้ว่า เป็นนามธรรมหรือรูปธรรม คือ ลักษณะของนามธรรม เรารู้โดยชื่อ แต่สภาพที่เป็นธาตุรู้ล้วนๆ ซึ่งไม่มีอะไรเจือปนเลย เอาทุกอย่างออกจากโลกในขณะนี้หมด ไม่มีพระเชตวัน ไม่มีเสียง ไม่มีแข็ง ไม่มีอะไรเลย แต่ยังมีธาตุรู้

    เพราะฉะนั้นลักษณะของธาตุรู้ซึ่งเป็นมนินทรีย์ เป็นใหญ่ เพราะฉะนั้นกว่าจะรู้ความเป็นใหญ่ของสภาพที่สามารถรู้ได้ทุกอย่าง ก็ต่อเมื่อค่อยๆ เข้าใจว่า ลักษณะของสภาพรู้ไม่ใช่เราที่กำลังเห็น แต่เป็นสภาพรู้ หรือธาตุรู้

    เพราะฉะนั้นการที่จะรู้ว่า มีการระลึกหรือไม่ ก็คือว่า ไม่เคยใส่ใจหรือเกิดการระลึกแม้ชั่วเล็กน้อยเลยว่า ขณะนี้ที่กำลังเห็นเป็นสภาพธรรม ถ้ามีการค่อยๆ เข้าใจทีละน้อยว่า ขณะนี้เป็นสิ่งที่มีจริง ที่ปรากฏเมื่อมีจักขุปสาท ชาติก่อนๆ กี่โกฏิก็คือสิ่งที่กำลังปรากฏกับธาตุที่เห็น ข้างหน้าต่อไปก็จะมีอย่างนี้แหละ แต่ว่าเป็นสภาพธรรมที่เกิดดับจนกว่าจะประจักษ์ความจริง

    ผู้ฟัง แล้วอย่างนี้จะเบาบางมาก จนกระทั่งยังไม่สามารถเรียกได้ว่า ปัญญา หรือคะ

    ท่านอาจารย์ คุณอ้วนจับมีด มีมีดอยู่เล่มหนึ่ง ตอนไม่ได้จับกับตอนจับต่างกันไหม ต่างกัน และจับจนกว่าจะสึก และตอนที่กำลังจับรู้ไหมคะว่า สึกกี่เปอร์เซ็นต์ ๑ ในล้าน ๑ ในแสนโกฏิเท่าไร เช่นเดียวกัน ปัญญาก็เหมือนกัน


    หมายเลข 8423
    23 ส.ค. 2567